คำถามเรื่องการใช้เครื่องดนตรีในเวลานมัสการ # 6
QUESTION OF INSTRUMENTAL MUSIC IN WORSHIP.
คำถามจากพวกที่ใช้เครื่องดนตรีเวลานมัสการ
QUESTIONS OFTEN ASKED.
1เปโตร 3:15
“แต่ในใจของท่านจงเคารพพระคริสต์ถือเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า จงเตรียมใจไว้ให้พร้อมเพื่อท่านจะสามารถตอบแก่ทุกคนที่ถามท่านว่า ท่านมีความหวังใจเช่นนี้ด้วยเหตุผลประการใด แต่ว่าจงตอบด้วยใจสุภาพและด้วยใจยำเกรง”
คำถามและคำตอบต่อไปนี้จะชี้จุดยืนของท่านว่า ท่านจะนมัสการพระเจ้าตามที่พระเจ้ากำหนด หรือทำตามใจชอบของตนเองโปรดวิเคราะห์ดูคำถามและคำตอบต่อไปนี้
1. คำถาม Q: ทุกสิ่งที่คริสเตียนทำเป็นการนมัสการไม่ใช่หรือ? Isn’t everything that a Christian
does worship?
คำตอบ A : ไม่ใช่ บางคนให้เหตุผลว่า “เนื่องจากทุกอย่างที่เราทำเป็นการนมัสการ ดังนั้นเรา
สามารถนำอะไรเข้ามาในการนมัสการได้ เราใช้เครื่องดนตรีนอกที่ประชุมได้ เพราะฉะนั้นก็คงไม่แปลกอะไรที่จะนำเครื่องดนตรีมาใช้ในที่ประชุม”
* ภาษากรีกคำว่า “นมัสการ” มาจากคำว่า “proskuneo” แปลว่า “ก้มกราบราบกับพื้น เป็น
การสำแดงความเคารพ” แปลตามตัวอักษรคือ “การจุบเป็นการสำแดงความเคารพ” การแสดงความเคารพมีเวลาเริ่มต้น และมีเวลาสิ้นสุดการสำแดงความเคารพ ถ้าทุกสิ่งที่เรากระทำเป็นการนมัสการ คนก็ไม่จำเป็นต้องไปยังสถานที่อื่นเพื่อจะนมัสการ อย่างไรก็ตามเมื่อเราอ่านในพระคัมภีร์เราพบว่าคนไปยังสถานที่บางแห่งเพื่อนมัสการ เมื่อเริ่มนมัสการแล้วก็ถึงเวลาสิ้นสุดการนมัสการในเวลาที่กำหนด
· พวกยิวและชาวต่างชาติไปนมัสการที่ยะรูซาเล็ม (โยฮัน 12:20)
· ขันทีชาวเอธิโอเปียเดินทางหลายกิโลไปนมัสการที่ยะรูซาเล็ม (กิจการ 8:27)
· เมื่อเปาโลสิ้นสุดการประกาศครั้งที่สามไปนมัสการที่ยะรูซาเล็ม (กิจการ 24:11)
* ภาษากรีกอีกคำคือคำว่า “ปฏิบัติ” หรือ “service” จากคำว่า “latrueo” (โรม 12:1
K.J.V.) บางครั้งแปลว่า “การนมัสการ” คำนี้ครอบคลุมการปฏิบัติพระอื่นๆรวมทั้งการนมัสการด้วย เราสามารถปรนนิบัติพระเจ้าได้ตลอดเวลา แต่เราไม่สามารถนมัสการพระเจ้าได้ทุกวินาที เราเลิกราจากการ “ปรนนิบัติ” แล้วไป “นมัสการ” พระเจ้า ในคำสนทนาของพระเยซูกับหญิง พระเยซูตรัสว่า “แต่วันนั้นก็ถึงเดี๋ยวนี้แล้วคือคนทั้งหลายที่ได้นมัสการอย่างถูกต้อง จะนมัสการพระบิดาโดยจิตวิญญาณและโดยความจริง เพราะว่าพระบิดาทรงแสวงหาคนอย่างนั้นนมัสการพระองค์ 24 พระเจ้าเป็นพระวิญญาณและผู้ที่นมัสการพระองค์ต้องนมัสการโดยจิตวิญญาณและ
ความจริง"” (โยฮัน 4:23-24)
ความคิดที่ว่าทุกสิ่งที่เราทำเป็นการนมัสการไม่มีเหตุผล เพราะทุกสิ่งที่
ทำไม่ใช่การนมัสการ
2. คำถาม Q : พระเจ้าต้องการให้เราใช้ตะลันต์เพื่อถวายเกียรติยศพระองค์มิใช่หรือ? Doesn’t God
want us to use our talents to glorify Him?
คำตอบ A. : ใช่พระเจ้าต้องการให้เราใช้ตะลันต์ แต่ที่จะเหมาเอาว่าพระเจ้าต้องการใช้ตะลันต์
ของเราที่มีไม่ว่าเป็นอะไรเพื่อนมัสการพระเจ้าในการนมัสการ เท่ากับเป็นการเปิดประตูให้นำเอาอะไรเข้ามาใช้ในการนมัสการได้ พระเยซูสอนว่าการนมัสการพระเจ้า “ต้องเป็นไปด้วยจิตวิญญาณและความจริง” (โยฮัน 4:24) พระเยซูไม่ได้หมายความรวมถึงว่าใครมีตะลันต์อะไรก็นำมาใช้ในการนมัสการในที่ประชุมได้
* ถ้าเราจะสำแดงตะลันต์ในการนมัสการเราคงไม่จำกัดเฉพาะเครื่องดนตรีเท่านั้น คริสเตียนมี
ตะลันต์หลายอย่างเช่น ทำกับข้าว เต้นรำ เล่นกีฬา วาดรูป ถ้าคริสเตียนทุกคนแสดงตะลันต์ของตนเองเวลานมัสการเพื่อสรรเสริญพระเจ้าคงจะสับสนวุ่นวายน่าดู คงไม่สามารถจำกัดขอบเขตการใช้ตะลันต์อย่างแน่นอนในที่ประชุม
3. คำถาม Q : คริสตจักรยุคแรกไม่ใช้เครื่องดนตรีเพราะกลัวการถูกข่มเหงหรือ? Didn’t the early
Church avoid instruments because they were afraid of persecution?
คำตอบ A : คริสเตียนยุคแรกบ่อยครั้งนมัสการพระเจ้าในที่ลับ ดังนั้นบางคนจึงเหมาเอาว่าพวก
คริสเตียนยุคแรกกลัวจึงไม่ใช้เครื่องดนตรี พวกเขาคิดว่าถ้าคริสเตียนยุคแรกใช้เครื่องดนตรีจะดังไปไกลทำให้ศัตรูตามไปรังแก
ถ้าคริสเตียนยุคแรกใช้เครื่องดนตรีในการนมัสการ ก็คงจะใช้ก่อนที่จะมีการข่มเหง หรือใช้
หลังการข่มเหงสิ้นสุดลง อย่างไรก็ตามเมื่อ ค.ศ. 300 รัฐบาลโรมและสังคมชาวโรมันได้ยอมรับคริสตจักร ในยุคนี้ไม่มีการนำเครื่องดนตรีมาใช้เวลานมัสการ เครื่องดนตรีได้นำเข้ามาใช้ในศตวรรษที่เจ็ด นับตั้งแต่นั้นมาหนึ่งพันปีประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่า คริสตจักรทั่วโลกไม่มีการใช้เครื่องดนตรีในการนมัสการพิสูจน์ให้เห็นว่าคริสเตียนยุคแรกไม่ใช้เครื่องดนตรีนมัสการ ไม่ใช่เพราะเขากลัวถูกข่มเหง คริสตจักรยุคแรกไม่ใช้เครื่องดนตรีเวลานมัสการ ก็เพราะพระเจ้าไม่ให้อำนาจอนุญาตในการใช้ต่างหาก ไม่ใช่เพราะกลัวถูกข่มเหงรังแก
4. คำถาม Q : คริสตจักรยุคแรกไม่ใช้เครื่องดนตรีเพราะไม่ต้องการให้คนเห็นว่าคริสเตียนเป็นเหมือน
พวกที่นับถือศาสนาอื่น Didn’t the first-century Church avoid instruments so that people could see they were different from other religions groups?
คำตอบ A : คริสตจักรยุคแรกไม่ใช้เครื่องดนตรีไม่ใช่เพราะเหตุผลไม่ต้องการเป็นเหมือนยิวหรือต่างชาติ คนที่คิดว่าคริสตจักรยุคแรกไม่ใช้เครื่องดนตรีเวลานมัสการเพื่อให้เห็นความแตกต่างจากลัทธิยูดาย และลัทธิศาสนาของชาวต่างชาติ เหตุผลนี้ถูกต้องแต่เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น
ใช่พระคัมภีร์สอนว่าคริสเตียนไม่ควรเลียนแบบการนมัสการ ศาสนาของต่างชาติ
โกโลซาย 2:18 “อย่าให้คนใดตัดสินให้ท่านแพ้เสียบำเหน็จของท่านด้วยกิริยาที่เขาทำทีถ่อมตัวลง และไหว้ทูตสวรรค์ และใฝ่ฝันอยู่ในสิ่งเหล่านั้นที่เขาได้เห็น และพองตัวขึ้นเปล่าๆ ตามความคิดของเนื้อหนัง และไม่ได้ยึดหน่วงเอาท่านผู้เป็นศีรษะ” แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าการร้องเพลงปากเปล่านมัสการในที่ประชุมเพียงเพื่อความแตกต่างเท่านั้น หรือเกรงว่าพวกที่รับบัพติสมาเป็นคริสเตียนจะหันกลับไปปฏิบัติตามลัทธิศาสนาเดิม คริสเตียนควรเรียนรู้การนมัสการจากพระเยซู (มัดธาย 28:18-20) พระองค์ทรงทรงเป็นประมุขหรือเป็นศีรษะของคริสตจักร “พระองค์เป็นศีรษะของกาย คือคริสตจักรนั้น ด้วยพระองค์นั้นเป็นปฐม เป็นคนแรกที่เป็นขึ้นมาจากตาย เพื่อพระองค์จะได้เป็นเอกในสรรพสิ่งทั้งปวง” (โกโลซาย 1:18)
5. คำถาม Q : การใช้เครื่องดนตรีเป็นเรื่องของความอิสระไม่ใช่หรือ? Aren’t instruments just a
matter of expedience?
คำตอบ A : เขาใช้ 1โกรินโธ 6:12 ว่าเขามีอิสระในการใช้เครื่องดนตรีเป็นการสรุปว่าเครื่องดนตรีไม่ใช่เป็นคำสั่งแต่เป็นทางเลือก เปาโลกว่าวว่า “สิ่งสารพัดข้าพเจ้าทำได้ไม่มีใครห้าม แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งที่สมควรข้าพเจ้าจะทำ สิ่งสารพัดข้าพเจ้าทำได้ไม่มีใครห้าม แต่ว่าข้าพเจ้าไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจของสิ่งใดเลย” “เราทำสิ่งสารพัดได้ไม่มีใครห้าม แต่ไม่สมควรที่เราจะทำทุกสิ่ง เราทำทุกสิ่งได้ไม่มีใครห้าม แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งที่เรากระทำนั้นจะทำให้เราเจริญขึ้น” (1โกรินโธ 6:12 ดู 10:23)
ประเด็นที่เปาโลต้องการชี้แจงให้เห็นคือว่าไม่ใช่ทุกสิ่งคริสเตียนควรทำ เปาโลบอกไว้ที่อื่น
ว่าไม่ควรทำอะไรบ้าง เช่น
1ติโมเธียว 1:9-10 “คือโดยรู้อยู่ว่าพระบัญญัตินั้นไม่ได้ทรงตั้งไว้สำหรับคนชอบธรรม แต่ทรงตั้งไว้สำหรับคนนอกกฎหมายและคนเหลือขอ คนผิดและคนบาป คนไม่นับถือพระเจ้าและคนหมิ่นประมาท คนบิตุฆาตและคนมาตุฆาต คนกระทำการฆาตกรรม 10 คนเล่นชู้ คนเล่นน้องสวาท ผู้ร้ายขโมยคน คนโกหก คนทวนสบถ และอะไรๆ ที่ขัดกันกับคำสอนอันให้เกิดปกติสุข”
1โกรินโธ 6:9-10 “ท่านทั้งหลายไม่รู้หรือว่าคนอธรรมจะไม่ได้มีส่วนในแผ่นดินของพระเจ้า อย่าให้เขาล่อลวงท่านให้หลง คนผิดประเวณี หรือคนไหว้รูปเคารพ หรือผิดผัวผิดเมียเขา หรือหญิงเล่นเพื่อน หรือชายเล่นน้องสวาท” (ดูโรม 1:24-32 , ฆะลาเตีย 5:19-21,เอเฟโซ 5:3-12,โกโลซาย 3:5-9; 2ติโมเธียว 3:2-7,ติโต 3:9-11) เปาโลสอนชัดเจนว่าไม่เป็นการถูกต้องที่เราจะทำทุกสิ่ง มีบางสิ่งที่ไม่มีบัญญัติห้ามไว้ แต่เราก็ไม่ควรใช้เสรีภาพหรือความอิสระของเรากระทำ เพราะอาจจะทำร้ายใจวินิจฉัยของผู้อื่นหรือทำให้คนอื่นสะดุด 1โกรินโธ 8:9 “แต่จงระวังให้ดี เกรงว่าการที่ท่านทั้งหลายกระทำด้วยความอิสระนั้นจะเป็นเหตุให้คนที่อ่อนในความเชื่อหลงผิดไป”
(1โกรินโธ 10:25-29) เปาโลบอกแม้ว่าอาหารที่กราบไว้รูปเคารพทานได้ แต่ถ้าการรับประทานอาหารเป็นเหตุที่ทำร้ายแก่ใจวินิจฉัยผิดและชอบอันอ่อนแอของพี่น้องเท่ากับว่าได้ทำผิด ไม่สมควรใช้ความอิสระทำให้พี่น้องสะดุด (1โกรินโธ 10:25-29, 8:13) เปาโลบอกว่าแม้ท่านมีสิทธิที่จะรับประทานอาหารทุกอย่างได้ แต่ท่านจะไม่กินเนื้อสัตว์ต่อไปเป็นนิตย์ เกรงว่าจะทำให้พี่น้องหลงผิดไป (1โกรินโธ 8:7-13)
* เกี่ยวกับการใช้เครื่องดนตรีเวลานมัสการ ประการแรกที่เขาจะต้องทำคือ เขาจะต้องพิสูจน์ให้
เห็นเสียก่อนว่า การใช้เครื่องดนตรีเป็นไปตามบัญญัติของพระเจ้า ก่อนที่จะลงความเห็นว่าเป็นเสรีภาพที่เขาจะทำตามใจตัวเอง เพราะว่าในพระคัมภีร์ใหม่ไม่มีคำสั่งให้ให้ใช้เครื่องดนตรีเวลานมัสการ เพราะฉะนั้นการใช้เครื่องดนตรีเวลานมัสการไม่ เป็นตามบัญญัติของพระเจ้าไม่ใช้เพราะการใช้เครื่องดนตรีเป็นเหตุให้คนอื่นสะดุด แต่เพราะไม่มีคำสั่งให้ใช้ต่างหาก
6. คำถาม Q : การใช้เครื่องดนตรีเวลานมัสการเป็นเรื่องความคิดเห็นมิใช่หรือ? Isn’t the use of
instrumental music in worship just an indifferent matter of opinion?
คำตอบ A : บางคนคิดว่าการใช้เครื่องดนตรีเวลานมัสการเป็นเรื่องเล็กไม่ควรนำมาเป็นปัญหา พวกที่ใช้เครื่องดนตรีเชื่อว่าคนที่คัดค้านการใช้เครื่องดนตรี เป็นคนยึดติดกับประเพณี ตั้งกฎเกณฑ์ที่เคร่งครัดขึ้นเองทั้งๆที่พระเจ้าไม่ได้ตั้ง
พระเยซูได้ตำหนิพวกฟาริซายได้ตั้งกฎเกณฑ์ที่มนุษย์ตั้งขึ้นเป็นภาระหนักให้คน แต่พระองค์
ไม่ได้ตำหนิคนที่ถือพระบัญญัติของพระเจ้าโดยเคร่งครัด พระเยซูสอนให้พวกยิวถือพระบัญญัติทั้งสิ้นของพระเจ้า พระองค์สอนว่าไม่ควรเลือกถือปฏิบัติบางข้อ และปฏิเสธไม่ถือปฏิบัติบางข้อ ที่คนอาจจะเห็นว่าสำคัญน้อยกว่าบัญญัติข้ออื่น
พระเยซูแต่เพียงผู้เดียวมีสิทธิ์ที่จะตัดสินว่าคำสอนคริสเตียนใดมีน้ำหนัก หน้าที่รับผิดชอบ
ของเราจะต้องเป็นผู้สัตย์ซื่อปฏิบัติตามอย่างตรงไปตรงมาตามที่พระเจ้าสั่ง
มัดธาย 7:21-23 “มิใช่ทุกคนที่เรียกเราว่า 'พระองค์เจ้าข้า พระองค์เจ้าข้า' จะได้เข้าในเมืองสวรรค์แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระทัยพระบิดาของเราผู้อยู่ในสวรรค์นั้นจึงจะเข้าได้ 22 ในวันนั้นจะมีคนเป็นอันมากร้องแก่เราว่า 'พระองค์เจ้าข้า พระองค์เจ้าข้า ข้าพเจ้าได้สั่งสอนในพระนามของพระองค์และได้ขับผีออกด้วยพระนามของพระองค์และได้กระทำการอัศจรรย์มากด้วยออกพระนามของพระองค์มิใช่หรือ' 23 ขณะนั้นเราจะกล่าวแก่เขาว่า 'เราไม่รู้จักเจ้าเลย เจ้าทั้งหลายผู้ประพฤติล่วงพระบัญญัติจงถอยไปจากเรา”
มัดธาย 15:8-9 “ คนเช่นนี้นับถือเราด้วยริมฝีปากแต่ใจของเขาห่างไกลจากเรา 9 เขาปฏิบัติ (worship)
เราโดยหาประโยชน์มิได้ด้วยเอาคำของมนุษย์สอนว่าเป็นพระบัญญัติ"”
เรามีความรับผิดชอบปฏิบัติตามสิ่งที่พระเจ้าสั่งชัดเจน และมิใช่สิ่งที่พระเจ้าไม่ได้ตรัสสั่งไว้ เราจึงจะได้ชื่อว่าสัตย์ซื่อ การทำอะไรที่เกินเลยที่พระเจ้ากำหนดไว้เท่ากับเป็นการละเมิดพระโอวาทของพระองค์ “ผู้ใดละเมิดและไม่ได้อยู่ในพระโอวาทของพระคริสต์ ผู้นั้นไม่มีพระเจ้า ผู้ใดดำรงอยู่ในพระโอวาทของพระคริสต์ ผู้นั้นมีพระบิดาและทั้งพระบุตรด้วย” (2โยฮัน 9)
คำอุปมาเรื่องตะลันต์สามารถสอนหลักการนี้ได้ “คนที่สัตย์ซื่อในของเล็กที่สุดจะสัตย์ซื่อในของมาก
ด้วยและคนที่อสัตย์ในของเล็กที่สุดจะอสัตย์ในของมากด้วย” (ลูกา 16:10) ความรับผิดชอบต่อสิ่งเล็กน้อยของพระเจ้าเป็นการพิสูจน์ให้เห็นความรับผิดชอบของเราต่อสิ่งใหญ่ๆ
ทำตามสิ่งที่ที่พระเจ้าได้ตรัส และทำตามสิ่งที่พระเจ้าได้ตรัสเท่านั้นคือการเชื่อฟัง ทำอย่างอื่น
เป็นการไม่เชื่อฟัง
7. คำถาม Q : หนังสือเพลงเป็น “ดนตรี” ไหม? Isn’t a song book “music”?
คำตอบ A : บางคนบอกว่าคนที่ร้องเพลง cappella ด้วยปากเปล่าขัดแย้งตัวเองเพราะใช้หนังสือ
เพลง หรือแผ่นกระดาษ ความคิดของคนเหล่านี้คิดว่า เครื่องดนตรีกับหนังสือเพลงมีความเท่าเทียมกัน ทั้งสองยอมรับได้ ความจริงที่แตกต่างกันคือว่า หนังสือเพลงหรือโน้ตเพลงอยู่บนหน้าหนังสือเพลงตั้งไว้เฉยๆ หรือถือที่มือไม่สามารถร้องเพลงได้ นอกจากปากคนจะร้องเพลงเท่านั้น คนร้องเพลงหนังสือเพลงก็ไม่ได้แย่งชิงหน้าที่การร้องเพลงด้วยปากของเราไป แต่การใช้เครื่องดนตรีนั้นเป็นการแย่งชิงหรือแทรกแซงเสียงร้องเพลงของมนุษย์ไปโดยสิ้นเชิง คนที่อยู่ในที่ประชุมไม่มีส่วนร่วม พวกเล่นดนตรีจะไม่มีสมาธิในการนมัสการเพราะเป็นห่วงการเล่นเครื่องดนตรีเหมือนไปดูคอนเสอร์ต
8. คำถาม Q : การเลือกใช้เครื่องดนตรีหรือไม่ใช้เครื่องดนตรีเวลานมัสการมีความเกี่ยวข้องกับความรอดไหม? Does choosing to use or not to use instrumental music really have anything to do with salvation?
คำตอบ A : ที่จะพูดว่าใช้เครื่องดนตรีในการนมัสการไม่ใช่ “เกี่ยวข้องกับความรอด” ก็เท่ากับตัดสินไปก่อนแล้วว่าเครื่องดนตรีไม่ใช่เป็นคำสอนของพระคัมภีร์ใหม่ พวกเขาเหมาว่าการใช้เครื่องดนตรีก็ไม่ถือว่าผิด คำตอบ : การนมัสการเกี่ยวข้องกับความรอดแน่นอน
* มีอะไร “เกี่ยวข้องกับความรอด”? What is a “salvation issue”? บ้างสรุปว่าเอาสิ่งที่
เกี่ยวกับเงื่อนไขในการเป็นคริสเตียนเป็นสิ่งสำคัญ อย่างไรก็ตาม ความรอดไม่ใช่ข้อควรกระทำที่พระเยซูสอนเท่านั้น แต่ยังรวมทั้งข้อละเว้นต่างๆอีกด้วยเพื่อที่จะได้รับความรอดพ้นจากความบาป ความบาปหมายถึง “การละเมิดพระบัญญัติของพระเจ้า” เป็นการประพฤตินอกคอกออกไปจากสิ่งที่พระคำของพระเจ้าเขียนไว้ 2ติโมเธียว 3:16-17 “16 พระคัมภีร์ทุกตอน พระเจ้าได้ทรงประสาทให้ ย่อมเป็นประโยชน์สำหรับสั่งสอน สำหรับตักเตือน สำหรับดัดแปลงคนให้ดีขึ้น และสำหรับสอนให้รู้ในความชอบธรรม 17 เพื่อคนของพระเจ้าจะได้เป็นผู้รอบคอบ คือเป็นผู้ที่ได้ถูกเตรียมไว้พร้อมแล้วสำหรับการดีทุกอย่าง” เพราะเราไม่เห็นเครื่องดนตรีนมัสการในพระคัมภีร์ใหม่ ไม่มีเลย ! เพราะฉะนั้นผู้เหล่านั้นที่ใช้เครื่องดนตรีเวลานมัสการก็เท่ากับประพฤตินอกเหนือจากสิ่งที่พระคัมภีร์เขียนไว้ แสดงว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ในพระโอวาทของพระเยซู
2โยฮัน 9-11 “ ผู้ใดละเมิดและไม่ได้อยู่ในพระโอวาทของพระคริสต์ ผู้นั้นไม่มีพระเจ้า ผู้ใดดำรงอยู่ในพระโอวาทของพระคริสต์ ผู้นั้นมีพระบิดาและทั้งพระบุตรด้วย 10 ถ้าคนใดมาหาท่านและไม่นำพระโอวาทนี้มาด้วย อย่ารับเขาไว้ในเรือน และอย่าเอออวยกับเขา 11 เพราะว่าผู้ที่เอออวยกับเขาก็เข้าส่วนในการชั่วของเขานั้น”
* พระเยซูสอนเรื่องการนมัสการที่ถูกต้อง “เกี่ยวกับความรอด” Jesus taught that proper
worship is a salvation issue. พระเยซูได้บอกหญิงชาวซะมาเรียว่า “ซึ่งพวกเจ้านมัสการนั้นเจ้าไม่รู้จักแต่ซึ่งพวกเรานมัสการ เรารู้จักเพราะว่าความรอดนั้นเนื่องมาจากพวกยูดาย 23 แต่วันนั้นก็ถึงเดี๋ยวนี้แล้วคือคนทั้งหลายที่ได้นมัสการอย่างถูกต้อง จะนมัสการพระบิดาโดยจิตวิญญาณและโดยความจริง เพราะว่าพระบิดาทรงแสวงหาคนอย่างนั้นนมัสการพระองค์ 24 พระเจ้าเป็นพระวิญญาณและผู้ที่นมัสการพระองค์ต้องนมัสการโดยจิตวิญญาณและความจริง"” (โยฮัน 4:22-24) คำตอบของพระคัมภีร์ข้อนี้ชัดเจนมากคือผู้ที่นมัสการไม่ถูกต้องตามที่พระเจ้ากำหนดจะไม่ได้รับความรอด
โยฮัน 4:23 “แต่วันนั้นก็ถึงเดี๋ยวนี้แล้วคือคนทั้งหลายที่ได้นมัสการอย่างถูกต้อง จะนมัสการพระบิดาโดยจิตวิญญาณและโดยความจริง เพราะว่าพระบิดาทรงแสวงหาคนอย่างนั้นนมัสการพระองค์”
* การถวายเครื่องบูชาของคายินกับเฮเบ็ล “เกี่ยวข้องกับความรอด” Cain’s and Abel’s
offering were a “salvation issue” พระเจ้าไม่พอพระทัยเครื่องบูชาของคายิน แต่พอพระทัยเครื่องบูชาของเฮเบ็ล (เฮ็บราย 11:4) โยฮันได้เขียนว่า “อย่าให้เหมือนคายินที่มาจากมารนั้นและได้ฆ่าน้องของตัว และเขาได้ฆ่าเพราะเหตุอะไร ก็เพราะเหตุว่าการของตัวนั้นชั่ว และการของน้องนั้นชอบธรรม” (1โยฮัน 3:12) เป็นการเปรียบเทียบให้เห็นการกระทำที่แตกต่างกันของทั้งสอง “โดยความเชื่อเฮเบลนั้นจึงได้นำเครื่องบูชาอันประเสริฐกว่าเครื่องบูชาของคายินมาถวายแก่พระเจ้า เพราะเหตุเครื่องบูชานั้นจึงมีพยานว่าเขาเป็นคนชอบธรรม คือพระเจ้าทรงเป็นพยานแก่ของถวายของเขา โดยความเชื่อนั้น แม้ว่าเฮเบลตายแล้วเขาก็ยังพูดอยู่” (เฮ็บราย 11:4) คายินได้นำเครื่องบูชาชนิดอื่นที่ผิดซึ่งพระเจ้าไม่ได้สั่ง พระคัมภีร์บอกว่า “การของคายินนั้นชั่ว และการของเฮเบ็ลนั้นชอบธรรม” (1โยฮัน 3:12)
* การตายของปุโรหิตนาดาบกับอะบีฮูเป็นตัวอย่างที่พิสูจน์ว่าพระเจ้าคาดหวังการเชื่อฟังอย่าง
เด็ดขาด เมื่อเรานมัสการพระองค์ นาดาบกับอะบีฮูต้องชดใช้การนอกรีตของเขาด้วยการถูกลงโทษด้วยไฟจากพระเจ้าในพลับพลา เพราะทั้งสองไปเอาไฟที่อื่นแทนที่จะเอาไฟที่พระเจ้ากำหนดไว้อย่างเจาะจง Specific เพราะฉะนั้นการเชื่อฟังพระเจ้าถือว่าสำคัญมากสำหรับความรอด สรุปว่าการใช้เครื่องดนตรีหรือการไม่ใช้เครื่องดนตรีมีส่วนเกี่ยวข้องกับความรอดอย่างแน่นอน
9. คำถาม Q : พระเจ้าพอพระทัยเมื่อเราใช้เครื่องดนตรีเพื่อทำให้การนมัสการด้วยการร้องเพลงดู
ไพเราะขึ้นไม่ใช่หรือ? Isn’t God pleased when instruments make our worship in song sound better?
คำตอบ A : พระเจ้าพอพระทัยเมื่อเราเชื่อฟังพระองค์ ถ้าเหตุผลว่าการใช้เครื่องดนตรีเป็นการช่วยการร้องเพลง เท่ากับเป็นการเปิดประตูเชิญให้มนุษย์นำสิ่งที่ตนเองชอบนำเข้ามาใช้ในการนมัสการพระเจ้า ผู้นำการร้องเพลงประสานเสียง บางคนให้ความเห็นว่าการร้องเพลง cappella เป็นการร้องเพลงที่ไพเราะที่สุด คำถามคือว่า การนมัสการนั้นเรากำลังถวายเกียรติยศใคร? และกำลังทำให้ผู้ใดพอใจ? เราทำให้มนุษย์พอใจ หรือทำให้พระเจ้าพอพระทัย?
การใช้เหตุผลดังกล่าวผลักดันไปสุดขั้ว พิธีระลึกอาจต้องเปลี่ยนไปตามรสนิยมของมนุษย์
เช่นใช้ขนมเค๊กกับไอศครีมแทน บัพติศมาอาจจะใช้กลีบกุหลาบโปรยไปบนศีรษะแทนที่จะจุ่มในน้ำให้เปียก (กิจการ 2:38-39 , โรม 6:4 ,โกโลซาย 2:12) “หนทางของพระเจ้าไม่ใช่หนทางของมนุษย์ ความคิดของพระเจ้าไม่ใช่ความคิดของมนุษย์” (ยะซายา 55:8-9) เราไม่สามารถปรับปรุงสิ่งที่พระเจ้าได้กำหนดไว้ที่สมบูรณ์แล้ว
10. คำถาม Q : การใช้เครื่องดนตรีเป็นการดึงดูดคนให้มานมัสการในที่ประชุมไม่ใช่หรือ?
คำตอบ A : มีคริสตจักรของพระคริสต์ในอเมริกาใช้ความคิดนี้เป็นใบเบิกทางในการทำอะไรก็ได้ เพื่อดึงดูดคนให้เข้ามาร่วมประชุม มีคริสตจักรหลายแห่ง drop คำว่าคริสตจักรของพระคริสต์ออกไปเพื่อเปิดหนทางให้คนเข้ามา และใช้เครื่องดนตรีเพื่อดึงดูดคนให้เข้ามาทั้งหญิงและชาย อนุชนชายหญิงแต่งกายไม่สุภาพเข้ามาในที่ประชุม สิ่งนี้เกิดขึ้นแล้ว
* ถ้าการใช้เครื่องดนตรีเป็นการสนุกสนานในที่ประชุมเพื่อดึงดูดคนให้เข้ามา ถ้านี่เป็น
มาตรฐานในการตัดสินว่าเราจะนมัสการพระเจ้าอย่างนั้น เพราะฉะนั้นเราโฆษณาได้ไหมว่า
ที่คริสตจักรมีโปรแกรมสนุกสนานต่างๆมากมาย?
การนมัสการที่ถูกต้องตามที่พระเยซูตรัส (โยฮัน 4:23-24) เป็นการนมัสการที่ดึงดูดพระเจ้า
เพราะเรามีความปรารถนาที่จะนมัสการตามชอบพระทัยพระองค์ พระองค์ต้องการให้เราเชื่อฟังพระองค์ ผู้เหล่านั้นที่ไม่พอใจกับวิธีการนมัสการตามแบบพระเจ้า แปลว่าเขาล้มเหลวในการนมัสการถูกต้อง ที่พระเจ้ายอมรับ ถึงแม้ว่าเขาจะจริงใจ แม้ว่าเขาจะใช้เครื่องดนตรีที่แพงที่สุด ใช้คนที่เก่งที่สุด หรือใช้คนมากที่สุดนับว่าพวกเขาล้มเหลวเพราะเป็นการนมัสการที่ไม่ใช่เป็นแบบที่พระเจ้าเลือก
11. คำถาม Q : การใช้เครื่องดนตรีเป็นความสามารถที่พระเจ้าปลูกฝังเป็นธรรมชาติของมนุษย์ไม่ใช่หรือ? Isn’t the desire to sue musical instruments a desire that God implanted in human nature?
คำตอบ A : การที่จะสรุปว่าเครื่องดนตรีเป็นธรรมชาติของมนุษย์ไม่ใช่เป็นเหตุผลว่าจะนมัสการพระเจ้าอย่างไร? ถ้าวิธีการนมัสการถูกบงการตามธรรมชาติที่มนุษย์ทำ ดังนั้นจะทำให้มนุษย์นำสิ่งที่เขาชื่นชอบเข้ามาในการนมัสการ ความคิดนี้เป็นความคิดที่ผสมผสานการนมัสการของลัทธิศาสนาของมนุษย์ มาตรฐานการนมัสการของพระเจ้าจะไม่มีความหมายเลย ถ้าการนมัสการตั้งอยู่บนพื้นฐานความพอใจ ตามธรรมชาติของมนุษย์
ถ้าจะนำเอาสิ่งแปลกปลอมเข้ามาในการนมัสการ ซึ่งเราจะเห็นได้จากพวกลงพระวิญญาณ
ทั้งหลายในโลกของนิกายปัจจุบันนี้ อัครสาวกเปาโลเตือนไว้ดังนี้ “เพื่อเราจะไม่เป็นเด็กต่อไป ถูกซัดไปซัดมาและหันไปเหมาด้วยลมปากแห่งคำสั่งสอนทุกอย่าง และด้วยเล่ห์กลของมนุษย์ตามอุบายฉลาดอันเป็นการล่อลวง” (เอเฟโซ 4:14) ไม่มีพระคัมภีร์สักข้อเดียวที่จะแนะนำให้มนุษย์นมัสการพระเจ้าตามสัญชาติญาณธรรมชาติของมนุษย์ การนมัสการจะต้องเป็นไปตามน้ำพระทัยของพระเจ้า ไม่ใช่ตามสัญชาติญาณของมนุษย์
12. คำถาม Q : คริสตจักรยุคนี้ควรปรับปรุงให้ทันสมัยกับความเจริญก้าวหน้าของสังคมยุคใหม่มิใช่
หรือ? Doesn’t the Church need to keep up with modern progress?
คำตอบ A : บางคนเสนอว่าเครื่องดนตรีจำเป็นเพื่อให้ทันกับความเจริญก้าวหน้าของสังคมที่เจริญแล้ว พวกเหล่านี้คิดว่าคริสตจักรในอนาคต ถ้าจะเจริญก็ต้องให้ทันกับความเจริญก้าวหน้าของสังคมโลกสมัยใหม่
คนที่คิดอย่างนั้นลืมไปว่าในยุคคริสตจักรเริ่มต้น มีเครื่องดนตรีชนิดต่างๆที่ทันสมัยสำหรับ
ยุคนั้น คริสเตียนยุคแรกน่าจะนำมาใช้ถ้าพระเยซูสอนพวกสาวกของพระองค์ให้นำมาใช้ในการนมัสการ แต่พระคัมภีร์ใหม่ก็เงียบ แม้ว่าในยุคเดียวกันพวกที่นับถือศาสนาอื่นก็ใช้เครื่องดนตรี แต่พวกคริสเตียนไม่ได้ใช้ น่าจะเป็นหลักฐานที่พิสูจน์ว่าพระเยซูเลือกที่จะไม่อนุญาตให้อัครสาวกใช้เครื่องดนตรีเวลานมัสการ เพราะพวกอัครสาวกได้รับการทรงนำจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ (โยฮัน 16:13) ความจริงก็คือว่าพระคัมภีร์เงียบ ไม่ได้พูดอะไรเลยเกี่ยวกับการใช้เครื่องดนตรีเวลานมัสการ เราสามารถสรุปได้ว่าพระเยซูไม่ปรารถนาให้พวกสาวกใช้เครื่องดนตรีเวลานมัสการ
* คริสเตียนมีความรับผิดชอบที่จะปรับปรุงให้เข้ากับคำสอนของพระเยซู แต่ไม่ใช่ปรับปรุงให้ทันกับ
ความเจริญก้าวหน้าของคนยุคใหม่
เปาโลเตือนว่าจะมีคนละทิ้งไปจากคำสอนที่เป็นความจริงของพระเจ้าและไปติดตามความ
นิยมของสังคมโลก
1ติโมเธียว 4:1-3 “ฝ่ายพระวิญญาณได้ตรัสไว้โดยแจ่มแจ้งว่า ภายหลังจะมีบางคนทิ้งความเชื่อเสีย แล้วไปเชื่อฟังวิญญาณที่ล่อลวงและฟังคำสอนของพวกผีปีศาจ 2 โดยอาการหน้าซื่อใจคดของคนที่พูดปด คือ ทำไปทั้งรู้ๆ เหมือนอย่างกับเอาเหล็กแดงนาบลงไปบนใจวินิจฉัยผิดและชอบของเขา 3 เขาก็ห้ามไม่ให้ทำการสมรส และให้งดการรับประทานอาหารซึ่งพระเจ้าทรงสร้างไว้ประสงค์จะให้คนที่เชื่อและรู้จักความจริงรับประทานด้วยขอบพระคุณ”
2ติโมเธียว 4:2-4 “2 ท่านจงประกาศพระคำ จงหมั่นกระทำการอยู่ทั้งเวลาที่มีโอกาส และเวลาที่ขาดโอกาส จงว่ากล่าว ห้ามปราม และตักเตือนคนด้วยความเพียรพยายามทุกอย่างในคำสั่งสอน 3 เพราะว่าจะมีเวลาหนึ่งที่เขาจะไม่รับคำสอนอันให้เกิดปกติสุข แต่เขาจะรวบรวมครูไว้มากๆ เพื่อจะให้ยอนหูของเขาให้สมกับความอยากของเขา 4 และเขาจะบ่ายหูจากความจริงหันไปฟังเรื่องนิยายต่างๆ”
13. คำถาม Q : คริสตจักรยุคแรกคงใช้เครื่องดนตรีถ้าพวกเขารู้จักในยุคนั้น? Wouldn’t the
early Church have used instruments if they had been known then?
คำตอบ A : มนุษย์รู้จักเครื่องดนตรีตั้งแต่โบราณ คนที่เถียงว่าคริสตจักรยุคแรกไม่ได้ใช้เครื่องดนตรีเวลานมัสการเพราะว่า ไม่มีเครื่องดนตรีในคริสตจักรยุคแรกแสดงว่าเขาไม่มีความรู้เรื่องดนตรี การใช้เครื่องดนตรีมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ มีมาก่อนสมัยน้ำท่วมโลกด้วยซ้ำไป ยาบาลคนที่เจ็ดชั่วอายุคนรุ่นหลังต่อจากอาดามก็ใช้เครื่องดนตรี “ ส่วนลาเม็คมีภรรยาสองคน คนหนึ่งชื่ออาดา คนหนึ่งชื่อซีลา 20 นางอาดามีบุตรชายชื่อยาบาลเป็นบรรพบุรุษของชนที่อาศัยในกระโจมและเลี้ยงสัตว์ 21 ยาบาลมีน้องชายชื่อยูบาล น้องนั้นเป็นบรรพบุรุษของชนที่มีฝีมือเล่นเครื่องดนตรี” (เยเนซิศ 4:19-21) ลาบานพ่อตาของยาโคบมีชีวิตอยู่ประมาณ 1900 B.C. กล่าวว่าน่าจะมีการร้องเพลงเล่นดนตรี “เหตุไฉนเจ้าได้หลบหนีมาไม่บอกให้เรารู้เพื่อเราจะได้จัดให้มีการเล่นขับร้องด้วยรำมะนาและเครื่องสายแล้วส่งเจ้าไปโดยความสุขสวัสดิภาพ” (เยเนซิศ 31:27)
เครื่องดนตรีเป็นที่รู้จักและใช้กันอย่างกว้างขวางในศตวรรษแรกทั้งในโลกภายนอก และใน
พวกลัทธิศาสนาอื่น เครื่องดนตรีเหล่านี้มีมากมายในสมัยคริสตจักรยุคแรก และถ้าพระเจ้าอนุญาตให้ใช้คริสตจักรยุคแรกก็คงนำมาใช้
14. คำถาม Q : การใช้เครื่องดนตรีเป็นการแปลภาษากรีกจากคำว่า “ร้องเพลง” (psallo) ไม่ใช่
หรือ? Isn’t the of a musical instrument implied in the word “SING” (psallo)?
คำตอบ A : คำว่า “psallo” มีความหมายเพียงแค่ “ร้องเพลง” บ้างแย้ง “psallo” แปลว่าเล่นเครื่องดนตรี ถ้า psallo แปลว่าเล่นเครื่องดนตรีทุกครั้งก็แสดงว่าไม่ต้องร้องเพลงด้วย
ปากเปล่า ทุกคนก็ต้องนำเครื่องดนตรีเล่นในที่ประชุม
ในสมัยพระคัมภีร์เดิมพระเจ้ามีคำสั่งไว้อย่างชัดเจนให้ใช้เครื่องดนตรี พวกยิศราเอลไม่ได้
ใช้เครื่องดนตรีเวลานมัสการจนเมื่อพระเจ้ามีคำสั่งอนุญาตให้ใช้ได้ ในทำนองเดียวกันถ้าพระเจ้าต้องการให้คริสเตียนใช้เครื่องดนตรีเวลานมัสการ พระองค์ก็คงจะมีคำสั่งโดยเฉพาะให้เราใช้หรือมีตัวอย่างการนมัสการโดยใช้เครื่องดนตรีเวลานมัสการในคริสตจักรให้เห็น แต่ก็ไม่มีสักตัวอย่างเดียว มีแต่สั่งให้ “ร้องเพลง” ด้วยปากเปล่าอย่างเดียว
15. คำถาม Q : ถ้าใช้เครื่องดนตรีที่บ้านได้ก็น่าจะใช้ได้เวลานมัสการในคริสตจักรได้ If it is all
right to use instruments at home, isn’t it acceptable to use them in worship?
คำตอบ A : การใช้ตรรกแบบนี้จะทำให้เราเอาทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านเข้ามาในการนมัสการในคริสตจักรได้ อาหารหลายอย่างรับประทานที่บ้านได้ แต่เราไม่ทานอาหารเวลานมัสการ ขนมปังไม่มีเชื้อและน้ำองุ่นเท่านั้นที่ทานเพื่อเป็นการระลึกถึงพระเยซูเวลานมัสการในคริสตจักร ครอบครัวเล่นเครื่องดนตรีหรือมีกิจกรรมเยอะแยะมากมายภายในบ้าน แต่สิ่งที่เราทำในบ้านไม่เป็นการสมควรที่จะทำในเวลานมัสการพระเจ้าในที่ประชุม
* พระเจ้าคาดหวังคริสเตียนเหมือนที่คาดหวังพวกยิศราเอลให้เห็นความแตกต่างระหว่างสิ่งที่
บริสุทธิ์กับสิ่งที่เป็นมลทิน สิ่งที่พระเจ้าเลือกในการนมัสการถือว่าเป็นสิ่งบริสุทธิ์ในสายพระเนตรของพระองค์ ถ้าทำนอกเหนือจากที่พระองค์สั่งเท่ากับว่าเป็นการทำให้ที่ประชุมเป็นมลทิน พระเจ้าห้ามไม่ให้ปุโรหิตดื่มเหล้าองุ่นหรือของมึนเมาเมื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เพื่อพวกเขาจะมีความสามารถในการ “เพื่อเจ้าทั้งหลายจะได้สังเกตของบริสุทธิ์และของไม่บริสุทธิ์และสังเกตของไม่สะอาดและของสะอาด” (เลวีติโก 10:10, ดูยะเอศเคล 21:12) นาดาบกับอะบีฮูทำให้พลับพลาเป็นมลทิน เพราะไป “เอาไฟจากที่อื่น” “ที่พระเจ้าไม่ได้สั่ง” เผาเครื่องหอมบนแท่นบูชา (เลวีติโก 10:1-3) โดยยะเอศเคลพระเจ้าได้กล่าวหาพวกปุโรหิตที่ทำให้ของที่บริสุทธิ์เป็นมลทินเพราะ “พวกปุโรหิตในเมืองนั้นได้ทำลายล่วงกฎหมายของเราและลบหลู่ในการบริสุทธิ์ทั้งหลายของเรา เขามิได้แบ่งของที่บริสุทธิ์และของต่ำช้าออกนับถือให้ต่างกันและสิ่งที่มลทินและสิ่งที่สะอาดก็มิได้ให้คนรู้ต่างกัน และเขาได้หลับตาเสียจากวันซะบาโตทั้งหลายของเราและเราเป็นผู้ที่เขาดูหมิ่นในท่ามกลางเขา” (ยะเอศเคล 22:26) ปุโรหิตจะต้องสอนพลเมือง “และจะได้สอนพลไพร่ของเราด้วยของบริสุทธิ์และไม่บริสุทธิ์และจะให้เรารู้แบ่งกลางของชั่วกับของดี” (ยะเอศเคล 44:23) สิ่งที่พระเจ้าเลือกสำหรับการปรนนิบัติของพวกปุโรหิตถือว่าเป็นสิ่งของบริสุทธิ์ สิ่งที่พระเจ้าไม่ได้เลือกแต่พวกปุโรหิตขืนนำเข้ามาใช้ถือว่าเป็นสิ่งมลทิน พระเจ้าไม่ให้อำนาจอนุญาตให้ใช้ทำให้การนมัสการเป็นมลทิน
สรุป : 1. คำตอบเหล่านี้มากพอที่แก้ข้อข้องใจของผู้สงสัยว่าทำไมคริสตจักรของพระคริสต์ไม่ใช้เครื่องดนตรีเวลานมัสการ These answers should be sufficient for those who had questions.
2. เหตุที่เราไม่ใช้เครื่องดนตรีเวลานมัสการเพราะ The reasons why we do not use
instruments in worship because :-
(1) พระเจ้าไม่มีคำสั่งให้ใช้เครื่องดนตรีเวลานมัสการในพระคัมภีร์ใหม่
(2) ไม่มีตัวอย่างการใช้เครื่องดนตรีเวลานมัสการในพระคัมภีร์ใหม่
(3) คริสตจักรยุคแรกไม่ใช้เครื่องดนตรีเวลานมัสการ
(4) พวกยิวในธรรมศาลาไม่ใช้เครื่องดนตรี (คริสเตียนตามแบบธรรมศาลา)
(5) คริสตจักรยุคบรรพบุรุษไม่ใช้เครื่องดนตรี (Church fathers)
(6) ยุคฟื้นฟูไม่ใช้เครื่องดนตรี
(7) ผู้นำยุคปฏิรูปไม่ใช้เครื่องดนตรี
(8) ผู้ก่อตั้งนิกายที่สำคัญต่างๆต่อต้านการใช้เครื่องดนตรี
(9) เครื่องดนตรีที่ใช้ในพระคัมภีร์เป็นบัญญัติเดิมซึ่งถูกยกเลิกไปแล้ว
(10) เครื่องดนตรีในวิวรณ์เป็นสัญลักษณ์ ไม่ใช่ตามตัวอักษร
(11) มีแต่การร้องเพลง cappella อย่างเดียว 2,000 ปีมาแล้วที่ปฏิบัติกันมา