การนมัสการคืออะไร?
การ นมัสการ หมายถึง การถวายเกียรติยศแด่พระเจ้า, สำแดงความรัก ความเคารพยำเกรง,ด้วยใจ ด้วยความกรุณาแด่พระเจ้า ด้วยจิตใจ, ด้วยความรู้สึก, และด้วยการกระทำแด่พระเจ้า ด้วยจิตวิญญาณ และด้วยความจริง
หัวใจของการนมัสการ ก็คือ “การขอบคุณพระเจ้านั่นเอง”
ในพระคัมภีร์เดิม มีการนมัสการพระเจ้าเป็นการส่วนตัวตามลำพัง ตัวอย่างเช่น เอละอาซาร คนต้นเรือนของอับราฮามก้มนมัสการพระเจ้า แล้ว ชายนั้นก็น้อมตัวลงนมัสการพระยะโฮวากล่าวว่าขอบพระเดชพระคุณพระยะโฮวาพระ เจ้าของอับราฮามนายข้าพเจ้าผู้หาได้ละทิ้งนายของข้าพเจ้าให้ปราศจากความ กรุณาและความสัตย์จริงของพระองค์ไม่ ส่วนข้าพเจ้านั้นพระยะโฮวาได้ทรงนำทางไปถึงบ้านพี่น้องนายข้าพเจ้า (เยเนซิศ24:26-27) แต่การนมัสการ ที่ทำกันเป็นการร่วมประชุมใหญ่ เช่น ดาวิดกับฝูงชนนมัสการพระเจ้า ดาวิดรับสั่งฝูงคนทั้งหลายว่าบัดนี้จงฉลองพระเดชพระคุณพระยะโฮวาพระเจ้าของตน บรรดาฝูงคนจึงกล่าวคำสรรเสริญถวายพระยะโฮวาพระเจ้าแห่งปู่ย่าตายายของเขา และหมอบตัวลงนมัสการพระยะโฮวาและถวายคำนับกษัตริย์ (1โคนิกา29:20)
ที่มาของการนมัสการ
การนมัสการในยุคของบรรพบุรุษ
ประกอบ ด้วย การอธิษฐาน และ การเผาถวายสัตว์เป็น เครื่องบูชา การนมัสการที่พอพระทัยพระเจ้า มีหลัก 2 ประการ ตามที่พระเยซูตรัสไว้ใน หนังสือโยฮัน 4:24 "พระเจ้าเป็นพระวิญญาณและผู้ที่นมัสการพระองค์ต้องนมัสการโดยจิตวิญญาณและความจริง" หลักข้อแรกคือ ต้องนมัสการด้วยจิตวิญญาณ หลักข้อสองคือ ต้องนมัสการด้วยความจริง การ นมัสการด้วยจิตวิญญาณ ก็คือ ทำด้วยความเคารพนบนอบ และบริสุทธิ์ใจ การนมัสการด้วยความจริง ก็คือ รูปแบบการนมัสการเป็นไปตามคำตรัสสั่งของพระเจ้า
การนมัสการที่เผาสัตว์เป็นเครื่องบูชาปรากฏเป็นครั้งแรกใน เยเนซิศ 4:1-5 พระเจ้ายอมรับเครื่องบูชาของเฮเบล เพราะเฮเบลปฏิบัติตามคำสั่งของพระเจ้า (เฮ็บราย 11:4) พระเจ้าไม่ยอมรับเครื่องบูชาของคายิน เพราะไม่ปฏิบัติตามความจริง หรือตามคำสั่งของพระเจ้า หลักทั้งสองประการ ยังเป็นหลักการนมัสการ ทุกยุคทุกสมัย จนถึงปัจจุบันนี้
คำว่า “การนมัสการ” ปรากฏครั้งแรกใน เยเนซิศ 4:26 ฝ่ายเซ็ธก็มีบุตรชายด้วยเรียกชื่อว่าอะโนศ คราวนั้นมนุษย์ตั้งต้นที่จะนมัสการโดยออกพระนามพระยะโฮวา หมาย ความว่า มนุษย์เริ่มมีการนมัสการพระเจ้าอย่างมีระบบระเบียบ ในยุคบรรพบุรุษ หัวหน้าครอบครัวทำหน้าที่ในการนำนมัสการ และ ถวายเครื่องบูชา โดยไม่ต้องมีปุโรหิต บรรพบุรุษเช่น โนฮา, อับราฮาม, โยบ ท่านเหล่านี้ ถวายเครื่องบูชานมัสการด้วยตัวเอง (เยเนซิศ8:20, เยเนซิศ12:8, โยบ1:5 )
การนมัสการในยุคของโมเซ มีการนมัสการในวิหาร มีพิธีรีตองมาก ปุโรหิตแต่เพียงเท่านั้นที่ทำการถวายเครื่องบูชา รายละเอียดเกี่ยวกับการถวายเครื่องบูชามี รายละเอียดข้อปลีกย่อยมากมาย ปรากฏอยู่ในหนังสือ เลวีติโก, อาฤธโม, และพระบัญญัติ
การนมัสการในที่ประชุมใหญ่ ในวิหารประกอบด้วยพิธีกรรม 3 ประการดังนี้
ประการแรก : มีการเผาถวายสัตว์เป็นเครื่องบูชา เช่น (2โคนิกา7: 5) กษัตริย์ซะโลโมได้ฆ่าสัตว์เผาบูชาโดยถวายโคสองหมื่นสองพันตัวและแกะแสนสองหมื่นตัว เช่นนั้นแหละกษัตริย์กับราษฎรทั้งปวงได้ฉลองโบสถ์วิหารของพระเจ้า
ประการที่สอง : มีพิธีทางศาสนาโดย ปุโรหิต เช่น (2โคนิกา7: 6) พวกปุโรหิตได้ยืนในที่ตามตำแหน่งของตน พวกเลวีก็ถือเครื่องสำหรับประโคมเพลงถวายพระยะโฮวา ถือเครื่องที่กษัตริย์ดาวิดได้กระทำไว้เพื่อประกอบเพลงฉลองพระเดชพระคุณพระยะโฮวาเพราะความเมตตาของพระองค์ดำรงอยู่ถาวร พวกปุโรหิตที่เป่าแตรอยู่ตรงหน้าและพวกยิศราเอลทั้งปวงก็ยืนอยู่
ประการที่สาม : มีการร้องเพลงสรรเสริญประกอบเครื่องดนตรี เช่น (2โคนิกา5:13) ครั้นพวกแตรและพวกขับเพลงทำเพลงพร้อมกันดุจเสียงเดียว ประโคมถวายฉลองพระเดชพระคุณพระยะโฮวาเมื่อเขาร้องเพลงขึ้นเสียงพร้อมกันกับวงแตรฉิ่งฉาบ และเครื่องดนตรีต่างๆ นั้นได้ขอบพระคุณสรรเสริญพระยะโฮวาว่าเพราะพระองค์ทรงพระกรุณาคุณและเพราะพระกรุณาของพระองค์ดำรงอยู่ถาวร ขณะนั้นโบสถ์วิหารของพระยะโฮวาก็เต็มไปด้วยเมฆ
ประการที่สี่ : อธิษฐานในที่ประชุม เช่น (พระบัญญัติ 26, บทเพลงสรรเสริญ60, 79, 80)
ประการที่ห้า : มีการฉลองเทศกาลต่างๆ เช่น ปัศคา (พระบัญญัติ 16:1-8)
การนมัสการในธรรมศาลา
หลังจากวิหารที่กรุงยะรูซาเลมถูกทำลายโดยกษัตริย์นะบูคัศเนซัร เมื่อ 586 B.C. พวก ยิวถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยที่บาบิโลน พวกยิวที่กระจัดกระจายไปในเวลานั้น ได้สร้างธรรมศาลาขึ้นทั่วทุกหนแห่งในโลก ในสมัยพระคัมภีร์ใหม่ เราจะพบว่า ธรรมศาลาถูกสร้างขึ้นทั่วไปในโลก พระเยซูเข้าไปในธรรมศาลา แล้วพระองค์เสด็จมาถึงเมืองนาซาเร็ธเป็นที่ซึ่งพระองค์ทรงเจริญวัยขึ้น พระองค์เสด็จเข้าไปในธรรมศาลาในวันซะบาโตตามเคยและทรงยืนขึ้นเพื่อจะอ่าน (ลูกา4:16) อัครสาวกเปาโลเดินทางไปประกาศในโลกของจักรวรรดิโรมัน ท่านได้เข้าไปประกาศในธรรมศาลาทั่วทุกแห่ง เมื่อท่านทั้งสองกำลังเดินออกไป คนทั้งหลายก็อ้อนวอนท่านให้กล่าวคำเหล่านั้นให้เขาฟังอีกในวันซะบาโตหน้า(กิจการ 13:42)
การนมัสการในธรรมศาลาประกอบด้วยอะไรบ้าง?
(1)Shema (เชมม่า)เป็นบทภาวนาตอนเช้า, ตอนกลางวัน, ตอนเย็น, ท่องจำจากพระคัมภีร์เดิม พระบัญญัติ 6:4-9, พระบัญญัติ 11:13-21, อาฤธโม 15:37-41 (2)การอธิษฐาน (3)การอ่านพระคัมภีร์ (4)การเทศนา (5)มีการร้องเพลงโดยไม่ใช้เครื่องดนตรี เนื้อเพลงส่วนมากมาจากบทเพลงสรรเสริญ พวกยิวนมัสการพระเจ้าทุกวันซะบาโต
การนมัสการในยุคของคริสเตียน
การ นมัสการในยุคของคริสเตียน พัฒนามาจากการนมัสการของพวกยิวใน ธรรมศาลา แต่ไม่ใช่การนมัสการในวิหาร การนมัสการของคริสเตียนทุกวันอาทิตย์ หรือ วันขององค์พระผู้เป็นเจ้า (กิจการ 20:7, 1โกรินโธ16:2) ยุคคริสเตียนตอนต้นๆ มีการประชุมนมัสการ กระทำกันในบ้านเรือน (โรม 16:5) แต่ภายหลังได้พัฒนาขึ้นมาด้วยการสร้าง อาคารที่ประชุมเพื่อใช้เป็นสถานที่นมัสการ
การนมัสการของคริสเตียนมี 5 ขั้นตอน
(1) ทำพิธีระลึกถึงพระเยซูทุกวันอาทิตย์ (กิจการ 20:7,1โกรินโธ11:20, 1โกรินโธ16:1)
(2) มีการร้องเพลงโดยไม่มีเครื่องดนตรี (1โกรินโธ14:14-15, เอเฟโซ 5:19, โกโลซาย 3:16)
(3) มีการอธิษฐาน (1ติโมเธียว 2:8)
(4) มีการถวายทรัพย์ (1โกรินโธ16:1-2, 2โกรินโธ9 : 6-7)
(5) การเทศนาสั่งสอน (กิจการ 20:7, กิจการ 2:4, 1โกรินโธ2:7, 1โกรินโธ6:5)
ทำไมนมัสการในวันอาทิตย์
(1)เหตุผลข้อแรก พระเยซูฟื้นคืนพระชนม์ในวันอาทิตย์ (โยฮัน 20:1)
(2)เพราะคริสตจักรยุคแรกมีการประชุมนมัสการทุกวันอาทิตย์ ไม่ใช่วันซะบาโต หรือวันเสาร์ (กิจการ 20:7, 1โกรินโธ11:20, 1โกรินโธ16:1-2)
(3)เพราะเป็นคำสั่งของพระเจ้า (เฮ็บราย 10:25-29, กีจการ2:42)