(สษ 22:6) “จงฝึกสอนเด็กให้ประพฤติตามทางที่ควรจะประพฤตินั้น และเมื่อแก่ชราแล้วเขาจะไม่เดินห่างจาก ทางนั้น”
เป็นเรื่องเศร้าที่เด็กๆ ถูกละเลยในการสอนให้มีความรู้ในพระเจ้าตั้งแต่เด็กๆ ไม่มีอะไรจะเลวร้ายไปกว่าการที่จะปล่อยให้เด็กๆผจญภัยในโลกโดยไม่มีความรู้เรื่องพระเจ้า ความรู้ในพระเจ้าจะช่วยให้เด็กมีพื้นฐานด้านจริยธรรมและคุณธรรม และมีเป้าหมายในการดำเนินชีวิตเมื่อเติบโตขึ้น ปัจจุบันมีพ่อแม่เป็นจำนวนมากที่คิดว่าเรื่องการนับถือศาสนาควรปล่อยให้เด็กๆตัดสินใจเลือกเอง ข้าพเจ้าได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับคนที่เลี้ยงลูกของตนตามหลักการดังกล่าว เมื่อเด็กอายุเก้าหรือสิบขวบเด็กเริ่มมีปัญหาทางด้านประสาท พ่อแม่ตัดสินใจพาเด็กไปหาจิตแพทย์ จิตแพทย์มีความเข้าใจสภาพจิตใจของเด็ก แพทย์ได้พบปะกับเด็กและได้สัมภาษณ์เด็กหลายครั้ง แล้วแพทย์ได้พูดกับพ่อแม่ของเด็กว่า “คุณเลี้ยงเด็กให้เติบโตขึ้นโดยไม่มีศาสนา และเด็กก็เลยมีศาสนาที่เขาคิดขึ้นมาเอง เป็นศาสนาที่ป่าเถื่อน เด็กคิดว่าที่ไหนก็มีแต่ผีปีศาจไปหมด เด็กมองเห็นผีปีศาจปรากฏอยู่ทั่วทุกแห่ง แทรกแซงทุกอิริยาบถในชีวิตของเขา เด็กรู้สึกทรมานเหลือเกิน”
ความจริงก็คือหัวใจของมนุษย์ปล่อยให้ว่างเปล่าไม่ได้ ถ้าพระเจ้าไม่ได้สถิตอยู่ในใจ สิ่งอื่นที่จะเข้าไปบรรจุในที่ว่างแทน จะมีการกราบไหว้เงินทอง, กราบไหว้อำนาจ, กราบไหว้วัตถุสิ่งของ “เมื่อผีร้ายออกมาจากผู้ใดแล้วมันก็เที่ยวไปทั่วบรรดาที่กันดารแสวงหาที่หยุดพักแต่ไม่พบ 44 แล้วมันว่า 'ข้าจะกลับไปยังเรือนของข้าได้ออกมานั้น' และเมื่อมาถึงก็เห็นเรือนนั้นว่างกวาดและตกแต่งไว้แล้ว 45 มันจึงไปรับเอาผีอื่นอีกเจ็ดผีร้ายกว่ามันเองแล้วก็เข้าไปอาศัยที่นั่นและเวลาข้างปลายของคนนั้นก็ชั่วร้ายกว่าเวลาข้างต้น ชนชาติชั่วนี้ก็จะเป็นอย่างนั้นแหละ” (มัดธาย 12:43-45)