คำตอบคือ เปล่า ! พระเจ้าไม่ได้เป็นหนี้บุญคุณเราอะไรเลย เราซิเป็นหนี้บุญคุณพระเจ้าต่างหาก เปาโลสำนึกในพระกรุณาธิคุณของพระเจ้า ท่านกล่าวว่า “ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระองค์ คือพระเยซูคริสต์เจ้าของเราผู้ทรงชูกำลังข้าพเจ้า ด้วยว่าพระองค์ทรงนับว่าข้าพเจ้าเป็นคนสัตย์ซื่อ จึงทรงตั้งข้าพเจ้าไว้ให้เป็นคนปฏิบัติ 13 ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนนั้นข้าพเจ้าเป็นคนหลู่เกียรติยศพระเจ้า และเป็นคนข่มเหง และเป็นคนทำการหมิ่นประมาทพระองค์ แต่ข้าพเจ้าได้รับพระกรุณา เพราะว่าที่ข้าพเจ้าได้กระทำอย่างนั้นก็กระทำไปโดยความเขลาเพราะความไม่เชื่อ 14 และพระคุณแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรานั้นมีมากเหลือล้น พร้อมด้วยความเชื่อและความรักในพระเยซูคริสต์”
(1ติโมเธียว 1:12-14) เปาโลสละทุกสิ่ง ทรัพย์สมบัติฝ่ายโลก ตำแหน่งหน้าที่การงาน เต็มใจสละชีวิตในการปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าทำการ ของพระเจ้าโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เปาโลสามารถทุ่มเท สละชีวิตได้เช่นนั้น
ก็เพราะท่านสำนึกในพระคุณของพระเจ้า คริสเตียนควรสำนึกในพระคุณของพระเจ้าให้มาก เพราะการสำนึกได้ จะทำให้เราเป็นคนเสียสละ และจะทำให้เราถ่อมสุภาพคิดถึงจิตวิญญาณของผู้อื่นเหมือนเปาโล ข้าพเจ้าเป็นหนี้ทั้งพวกเฮเลนและพวกต่างประเทศด้วย เป็นหนี้ทั้งนักปราชญ์และคนเขลาด้วย 15 เหตุฉะนั้นส่วนข้าพเจ้าเต็มใจพร้อมที่จะประกาศกิตติคุณนั้นแก่ท่านทั้งหลายที่อยู่ในกรุงโรมด้วย” (โรม 1:14-15)
อย่างไรก็ตามชะรอยจะมีบางคนคิดไปว่า การที่เราถวายทรัพย์ ,การที่เรามาโบสถ์ ,การที่เราประกาศสั่งสอน ,ทำโน่นทำนี่ให้คริสตจักร ดังนั้นพระเจ้าเป็นหนี้เขา พระเจ้าน่าจะอวยพรให้เขา หรืออย่างน้อยผู้นำคริสตจักร หรือสมาชิกน่าจะให้ความเห็นอกเห็นใจในการทุ่มเทเสียสละของเขา ถ้าคริสเตียนทำความดีแล้ว นึกว่าพระเจ้าควรจะขึ้นบัญชีตอบแทนบุญคุณให้เขา ถ้าคิดอย่างนี้แล้วเขาก็ผิดถนัด พระเยซู ตรัสว่า “ในพวกท่าน มีผู้ใดที่มีบ่าวไถนาหรือเลี้ยงแกะ เมื่อบ่าวคนนั้นกลับมาจากทุ่งนาจะบอกเขาว่า 'เชิญนั่งลงกินทีเดียวเถิด' 8 หรือจะไม่บอกเขาว่า 'จงหาให้เรากินและคาดเอวไว้ปรนนิบัติเราจนเราจะกินและดื่มอิ่มแล้วและภายหลังเจ้าจึงค่อยกินและดื่มเถิด' 9 นายจะขอบใจบ่าวนั้นเพราะบ่าวได้ทำตามคำสั่งหรือ 10 ฉันใดก็ดี เมื่อท่านทั้งหลายได้กระทำสิ่งสารพัดซึ่งทรงบัญชาไว้แก่ท่านนั้นก็คงพูดด้วยว่า 'ข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นบ่าวที่ไม่มีบุญคุณต่อนาย ข้าพเจ้าได้กระทำตามหน้าที่ซึ่งข้าพเจ้าควรกระทำเท่านั้น'” (ลูกา 17:7-10)