มีกลุ่มศาสนาที่ถูกจัดให้เป็น “ลัทธินอกรีต”(cults) แบ่งเป็นสองกลุ่มใหญ่คือ กลุ่มแรกเรียกตนเองว่าเป็นคริสเตียน กลุ่มที่สองมีต้นกำเนิดมาจากศาสนาอื่นๆ
พิจารณาลักษณะของ “ลัทธินอกรีต” ต่อไปนี้
1. ลัทธินอกรีตเหล่านี้มักมีผู้นำที่หัวรุนแรง เป็นนักพูดที่มีโวหารเกลี้ยกล่อมให้เชื่อตัวเอง คนเหล่านี้อ้างว่าตนเป็นผู้พยากรณ์ หรือเป็นผู้วิเศษ แม้กระทั่งยกย่องตัวเองเป็นพระเยซูหรือเป็นพระเจ้า
2. ลัทธินอกรีตมีข้อผูกมัดสมาชิกชนิดถอนตัวไม่ออก ต้องทุ่มเทให้กับกลุ่มด้วยการทำงานหนักโดยไม่รับค่าจ้าง
3. ลัทธินอกรีตมักกีดกันสมาชิกให้ห่างจากครอบครัวและเพื่อนๆของเขา มีการสอดส่องดูแล และประกบตัวต่อตัว บังคับชีวิตของสมาชิกทุกๆ อย่าง
4. ลัทธินอกรีตมีการรณรงค์คำสอนโดยไม่หยุดหย่อน ด้วยการมีประชุมสัมมนา อธิษฐานในที่มืดๆ เพื่อล้างสมองสิ่งที่เชื่อในอดีต เพื่อบงการชีวิตของสมาชิก
5. ลัทธินอกรีตมีพฤติกรรมลึกลับ ต่อหน้าสาธารณะชน ใช้ชีวิตอย่างหนึ่งลับหลังใช้ชีวิตอีกอย่างหนึ่ง
6. ลัทธินอกรีตบางลัทธิเอาเปรียบและละเมิดทางเพศกับสมาชิก
7. ลัทธินอกรีตขัดต่อคำสอนของพระคัมภีร์ทุกอย่าง ไม่ยอมรับว่าพระคัมภีร์ได้รับการดลใจจากพระเจ้า ส่วนมากจะมีหนังสือที่เขียนขึ้นเป็นคำสอนลัทธิของตนเอง
8. ลัทธินอกรีตไม่ยอมรับว่าพระเยซูเป็นพระบุตรของพระเจ้า และเป็นพระผู้ช่วยให้รอด
9. ลัทธินอกรีตเน้นวันสิ้นโลกใกล้แล้ว
10. ลัทธินอกรีตอ้างว่ามีความสามารถในการรักษาโรคด้วยการมหัศจรรย์ได้
เปาโลเตือนว่า “คือผู้นั้นที่มาโดยซาตานเป็นเหตุก็สำแดงอิทธิฤทธิ์ต่างๆ และนิมิตและการอัศจรรย์อันเท็จ 10 และอุบายอธรรมทั้งปวงให้ปรากฏแก่คนเหล่านั้นที่พินาศอยู่ เพราะเขาทั้งหลายไม่ได้รักความจริงเพื่อจะรอดได้ 11 เพราะเหตุนี้ พระเจ้าจึงทรงปล่อยสิ่งที่ไม่ถูกนั้นให้มาทำกิจในตัวเขา ให้เขาเชื่อความเท็จ 12 และให้เขาทุกคนที่ไม่เชื่อความจริง แต่ยินดีในการอธรรมได้ถูกพิพากษาสิ้นทุกคน” (2เธซะโลนิเก 2:9-12)