ปัจจุบันมีนักเทศน์ทั่วโลกนับพันยืนขึ้นต่อหน้าผู้คนทำการเทศนาทุกอาทิตย์บนธรรมาสน์ คนที่มีชีวิตยืนนาน และมีประสบการณ์มากมายสามารถพูดได้ว่านักเทศน์ส่วนมากมีตะลันต์ความสามารถไม่เหมือนกันคุณภาพ และผลงานย่อมมีความแตกต่างกันไป พิจารณานักเทศน์ชนิดต่างๆ ดังต่อไปนี้
(1) นักเทศน์บางคนเป็นผู้หว่าน และปลูก เปาโลกล่าวว่า “ข้าพเจ้าได้ปลูกไว้ อะโปโลได้รดน้ำ แต่พระเจ้าได้ทรงบันดาลให้เกิดผล” (1โกรินโธ 3:6) เขาเป็นคนขยันในการประกาศสั่งสอนพระคำของพระเจ้า เขาเทศนาตามบ้านเรือน และในที่สาธารณะ (กิจการ 20:17) นักเทศน์แบบนี้สำคัญเขานำความรุ่งเรืองมาสู่คริสตจักร
(2) นักเทศน์บางคนเป็นผู้เก็บเกี่ยว เขามีความสามารถในการกระตุ้นให้คนบาปกลับใจ และเชื่อฟัง
พระเยซูตรัสว่า “เพราะในการนี้คำที่ว่า 'คนหนึ่งหว่านและคนอื่นเกี่ยว' นั้นเป็นคำจริง38เราใช้ท่านทั้งหลายไปเกี่ยวซึ่งท่านมิได้เสียแรงทำคนอื่นได้เสียแรงทำและพวกท่านได้ประโยชน์เพราะการของเขา"” (โยฮัน 4:37-38) เพราะนักเทศน์บางคนร้อนรนในการเก็บเกี่ยว คริสตจักรส่วนมากจึงจัดให้มีการประชุมฟื้นฟูพิเศษเพื่อ
เก็บเกี่ยวจิตวิญญาณซึ่งตลอดทั้งได้รับการสั่งสอนได้รับอิทธิพลที่ดีจากสมาชิกในคริสตจักร
(3) นักเทศน์บางคนเป็นผู้สร้างสรรค์ เปาโลนับว่าท่านเป็นผู้สร้างที่วางรากฐานให้ผู้อื่นสร้างต่อ
(1โกรินโธ 3:10) บางคนเป็นผู้สร้างที่มีประสิทธิภาพ เราไม่ได้หมายถึงการสร้างอาคาร แต่หมายถึงการสร้างคนของพระเจ้าให้เข้มแข็งในความเชื่อ คริสตจักรจะเจริญขึ้นถ้ามีนักสร้างฝ่ายวิญญาณจิตต์ที่เข้มแข็ง คริสตจักรที่เข้มแข็งมักมีผู้นำที่เป็นนักสร้างที่ดี
(4) นักเทศน์บางคนเป็นผู้ทำลาย น่าเสียดายที่บางคนเป็นนักทำลายคริสตจักร เขามักก่อให้เกิดการแตกแยกด้วยคำสอน หรือมีความประพฤติที่ไม่เหมาะสม คนเช่นนี้ทำการเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง (โรม 16:17) นักเทศน์แบบนี้อาจจะใช้เวลาไม่กี่วันในการทำลายคริสตจักรที่เขาสร้างเป็นเวลาสิบๆ ปี
(5) นักเทศน์บางคนเป็นผู้หนุนน้ำใจ : บาระนาบา เป็นนักเทศน์ที่หนุนน้ำใจดีมาก “เมื่อบาระนาบามาถึงแล้วและได้เห็นพระคุณของพระเจ้าก็ปิติยินดี จึงได้เตือนบรรดาคนเหล่านั้นให้ปลงใจมั่นคงติดสนิทอยู่กับพระเจ้าด้วยบาระนาบานั้นเป็นคนดี ประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และความเชื่อ จำนวนคนของพระผู้เป็นเจ้าก็ได้ทวีขึ้นเป็นอันมาก” (กิจการ 11:23-24) ในศตวรรษที่ 19 นักเทศน์มักทำงานคู่กัน คนหนึ่งเทศนา คนหนึ่งหนุนน้ำใจ ให้ผู้ฟังในที่ประชุมเชื่อฟังและปรนนิบัติพระเยซู
(6) นักเทศน์บางคนเป็นผู้ตรวจตรา : พระเจ้าได้ตั้งให้ยะเอศเคลทำหน้าที่ในการตรวจตราชนชาติยิศราเอล (ยะเอศเคล 3:17) ผู้ตรวจตรามีสายตาอันแหลมคมที่สามารถว่องไวในการหาผู้สอนเท็จ และผู้ก่อกวน ในคริสตจักร เขาห่วงใยสถานะภาพของคริสตจักร และในการตั้งมั่นคงอยู่ในความจริง เป็นคนเตือนให้พี่น้องระมัดระวังอันตรายที่อาจจะจู่โจมเข้ามา
(7) นักเทศน์บางคนเกียจคร้าน : เกียจคร้านในการศึกษาเตรียมคำเทศนา ไม่เอาใจใส่คริสตจักร มองดูคริสตจักรอ่อนแอและตายไป เขาอยู่ในตำแหน่งนักเทศน์ที่รับเงินเดือนจากพี่น้องแต่ขาดคุณสมบัติในการเป็นนักเทศน์ ใช้เวลาสังคมกับสมาคมต่างๆ มีธุระยุ่งกับครอบครัว หารายได้พิเศษข้างนอก อยู่ไปนานๆ พี่น้องอ่อนระอาใจ ในที่สุดพี่น้องถึงกับเชิญให้ออก หรือไม่ก็ถูกไล่ออก คนอย่างนี้ไม่เหมาะที่จะเป็นนักเทศน์
(8) นักเทศน์บางคนเป็นผู้ปกป้อง : เปาโลบอกว่า “ท่านเป็นคนป้องกันพระกิตติคุณ” (ฟิลิปปอย 1:16) ไม่ช้าไม่นานศัตรูของพระเยซูจะย่องเข้ามาทำลายความสงบในคริสตจักร ในยามนี้นักเทศน์สามารถปกป้องความจริงได้ ในร่างกายมีอวัยวะหลายส่วน อวัยวะแต่ละอันมีหน้าที่ช่วยกันทำให้ร่างกายแข็งแรงฉันใด นักเทศน์ที่มีความสามารถต่างกันทำให้คริสตจักรเจริญฉันนั้น ยกเว้นนักเทศน์ที่เกียจคร้านเท่านั้น เพราะฉะนั้นแต่ละคนควรค้นหาความสามารถของตนเอง และใช้ความสามารถของตนเพื่อทำให้คริสตจักรเจริญ