เราไม่ได้ถวายจากส่วนที่เป็นของของเรา เราไม่ได้ถวายให้พระเจ้าจากทรัพย์ที่เป็นส่วนหนึ่งของเรา แต่เราถวายคืนให้พระองค์ในส่วนที่เป็นของของพระองค์ การตัดสินใจไม่ได้อยู่ที่ว่าเราจะถวายทรัพย์มากเท่าไร แต่ขึ้นอยู่กับว่าพระเจ้าอวยพรให้เราเท่าไร เราจะถวายตามกำลังอย่างนั้น (รม 14:8, ฮาฆี 2:8)
* การถวายขึ้นอยู่กับพระพร ยิ่งเรามีมากเราก็ควรถวายมากขึ้น เราควรถวายมากตามที่พระเจ้า
อวยพระพรให้เรา (1กรธ 16:2)
* ทรัพย์ที่เรามีเป็นสิ่งของชั่วคราว เราไม่ได้เป็นเจ้าของในสิ่งที่เรามี สิ่งที่เรามีไว้เพื่อใช้เพียงชั่วคราว ทรัพย์สมบัติทุกชิ้นเป็นพระพรจากพระเจ้า เราจะต้องให้การกับพระองค์ว่าเราใช้ทรัพย์สมบัติเหล่านี้อย่างไร? (1ตมธ 6:17-19)
* การถวายทรัพย์เป็นเรื่องฝ่ายวิญญาณจิตต์ เปาโลกล่าวว่าการให้แก่พระเจ้าเป็นกุศลในการช่วยสิทธชน (2กรธ 8:4) เป็นหลักฐานยืนยันความจริงใจและความรักของเรา (2กรธ 8:8,24)
* การถวายมากจะได้บำเหน็จตอบแทนมาก แม้ว่าการให้ไม่ควรหวังการตอบแทน แต่พระเจ้าสัญญาผู้ที่ถวายมากด้วยความเต็มใจ (สษ 11:24 ,มธ 25:29, มลค 3:8-10)
* การถวายเริ่มต้นจากใจ พลับพลาได้สร้างขึ้นขณะอยู่ในทะเลทราย จากการถวายจากใจของพวกยิศราเอล (อซด 25:1) จุดประสงค์ในการถวายควรเริ่มจากใจ และถ่ายทอดออกมาเป็นการกระทำ (2กรธ 9:6-7)
*พระเจ้าทรงทราบการถวายของเรา เราอาจจะซ่อนความจริงจากมนุษย์ได้ แต่เราซ่อนจากพระเจ้าไม่ได้ พระองค์ทรงทราบจิตใจของเรา พระองค์ทรงอ่านเจตนารมณ์ของเรา พระองค์ทรงเพ่งดูการถวายของเรา
*การถวายเป็นวิธีหนึ่งในการปฏิบัติพระองค์ โปรดเข้าใจว่าการให้เป็นธุระที่สำคัญ การถวายมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของเราที่มีผลกับพระเจ้า มีกระทบต่อชะตากรรมของเราว่าเราจะไปใช้ชีวิตนิรันดร
หลังจากตายที่ไหน?