มีมหาเศรษฐีซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในเมืองหนึ่งถ้าเอ่ยชื่อใครๆก็รู้จัก แต่ในที่สุดเขาก็ตาย ทิ้งทรัพย์สินเงินทองไว้เบื้องหลัง แม่ของเศรษฐีคนนี้เป็นคริสเตียนที่เข้มแข็งเป็นที่รู้จักดีในคริสตจักรท้องถิ่นแห่งหนึ่งเธอเป็นคนธรรมดา อดที่จะเปรียบเทียบระหว่างแม่กับลูกชายที่เป็นมหาเศรษฐีคนนี้ไม่ได้ ตามมาตรฐานโลก เศรษฐีที่ตายเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จ เขามีทั้งชื่อเสียงและมีทั้งทรัพย์สินเงินทอง มีพิธีฝังศพที่ใหญ่โต และสิ้นเปลืองเงินมหาศาล มีผู้คนที่มีระดับนับเป็นพันคนได้มาในงานพิธีฝังศพเศรษฐีคนนี้
นายแพทย์ที่ทำหน้าที่กล่าวถึงชีวประวัติของเศรษฐี ได้พยายามเอ่ยถึงพื้นเพความเชื่อในศาสนาของเขาเท่าที่สามารถทำได้ แต่ความจริงก็คือว่าเศรษฐีคนนี้เคยเป็นคริสเตียนรู้จักหนทางของพระเจ้าดี แต่นั่นนานมาแล้ว เพราะเขาไม่เคยหันกลับมาโบสถ์อีกเลย
ในทางตรงกันข้ามกับการตายของแม่ของเศรษฐีคนนี้ ซึ่งเพิ่งตายไปหนึ่งปีก่อนหน้านี้ เธอไม่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักตามมาตรฐานโลก เธอไม่ได้สะสมทรัพย์สมบัติไว้ในโลก แต่เธอรักและเคารพพระเจ้า เธอเชื่อฟังพระเจ้าตลอดชีวิตของเธอ แม้ว่าเธอไม่มีชื่อเสียงโด่งดังและไม่มีทรัพย์สินเงินทอง แต่เธอเป็นคนมั่งคั่งในสายพระเนตรพระเจ้า เพราะเธอมีพระเจ้าในดวงใจ “เพราะถ้าผู้ใดจะได้สิ่งของสิ้นทั้งโลกแต่ต้องเสียชีวิตของตน จะเป็นประโยชน์อะไร หรือใครจะเอาอะไรมาแลกกับชีวิตของตน 27 เหตุว่าเมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมาด้วยรัศมีแห่งพระบิดาพร้อมกับพวกทูต เวลานั้นจะพระราชทานบำเหน็จให้ทุกคนตามการประพฤติของตน” (มัดธาย 16:26-27) “อย่ากลัวเมื่อคนหนึ่งคนใดมั่งมีขึ้น อย่ากลัวเมื่อเกียรติยศของพงศ์พันธุ์ของใครรุ่งเรืองเจริญขึ้น 17 เพราะพอเมื่อเขาสิ้นชีพแล้วเขาจะเก็บอะไรๆ ไปด้วยไม่ได้ เกียรติยศของเขาจะไม่ติดตามตัวเขาไปได้หรอก 18 แม้ว่าเมื่อยังมีชีวิตอยู่เขาจะได้อวดตัวและถึงแม้ว่าคนทั้งหลายจะพากันสรรเสริญเขาเมื่อเขาได้ลาภดี” (บทเพลงสรรเสริญ 48:16-18)