ReadyPlanet.com
dot dot
dot
ปฏิทินกิจกรรม
dot
bulletโรงเรียนภาคฤดูร้อน
bulletงานรวมพี่รวมน้อง
bulletงานส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
bulletกิจกรรมทุกวันเสาร์(สัปดาห์ที่ 3 และ 4 ของเดือน)
bulletข่าวสารของคริสตจักร มิตรภาพ
dot
สื่อมัลติมีเดีย ของคริสตจักร
dot
bulletคำเทศนาเรื่อง การใช้เครื่องดนตรีในเวลานมัสการ
bulletเพลงสรรเสริญพระเจ้า (Eng)
dot
รอบรั้ว คริสตจักรของพระคริสต์ มิตรภาพ
dot
bulletสมาชิกที่มิตรภาพ
dot
หนังสือต่างๆ ของทางคริสตจักร
dot
bulletหนังสือที่น่าสนใจ
dot
บทความ โดยสุบิน ปั้นบุญ
dot
bulletบทความ โดยสุบิน ปั้นบุญ
bulletหนังสือ และบทความ
bulletคริสเตียนใหม่
bulletงานฟื้นฟูประจำปี
bulletสมัครบทเรียนทางไปรษณีย์...ฟรี
bulletเว็บเพจ และข่าวสาร ของ คริสตจักร (มิตรภาพ)
bulletบทความในวารสาร ของคริสตจักร


แบนเนอร์ตัวอย่าง


บทความในวารสาร ของคริสตจักร

บทความย้อนหลัง..

 

ทำไมข้าพเจ้าไม่เป็นนิกาย?

           ศาสนาคริสต์ถูกแบ่งแยกเป็นนิกายต่างๆ โดยไม่จำเป็น เป็นการยากที่คนจะคิดว่า เป็น คริสเตียนอย่างเดียวเท่านั้น ไม่ต้องเป็นอะไรอื่น ถ้ามีคนถามท่านว่า “ท่านเป็นคริสเตียนหรือ?” เขาจะถามต่อไปว่า “อยู่นิกายอะไร?”

          ตอนที่ท่านอัครสาวกเปาโล มีชีวิตอยู่ในโลก ท่านเป็นคริสเตียนเท่านั้น ไม่ใช่เป็นนิกาย พระเจ้าไม่ต้องการให้เป็นอะไรเพิ่ม  ในสมัยของท่านเปาโลไม่มีนิกายเลย มีแต่คริสตจักรของพระเยซูคริสต์เท่านั้น  การเป็นคริสเตียนไม่มีความหมายเดียวกับการเป็นนิกาย ที่ไม่สังกัดกับนิกายใดๆ หรือเป็นกลุ่มที่สามารถเข้ากับนิกายใดๆได้ เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง  วิธีการปรองดองแบบนี้ ไม่ใช่เป็นวิธีที่ถูก

         การเป็นนิกาย เป็นความบาป เป็นศัตรูอันยิ่งใหญ่ของศาสนาคริสต์ จำเป็นต้องฟื้นฟูให้กลับมาเป็นเหมือนคริสตจักรที่ พระเยซูตั้งขึ้นครั้งแรก ซึ่งเรามีต้นแบบอยู่ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ใหม่อยู่แล้ว ไม่ต้องไปหาแบบแผนที่อื่นของมนุษย์

        นิยามของคำว่า “นิกาย” หมายถึง กลุ่มน้อยๆที่แยกตัวออกมาจาก คริสตจักรของพระเยซู คำว่า “คริสตจักรตามพระคริสตธรรมคัมภีร์ใหม่” ใช้ในความหมาย 2 ประการ

(1) หมายถึงคริสเตียนทั่วโลก

(2) หมายถึงคริสเตียนตามคริสตจักรท้องถิ่นต่างๆ

     พระคริสตธรรมคัมภีร์ใหม่ ไม่มีคำว่า “นิกาย” เหตุผลที่ว่า “ทำไมข้าพเจ้าไม่เป็นนิกาย” มีเหตุผลดังต่อไปนี้

(1) เพราะการเป็นสมาชิกในนิกายไม่จำเป็น : คนสามารถรอดได้โดยไม่ต้องสังกัดในนิกายใดๆทั้งสิ้น เพราะที่จะเป็นนิกายจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ยุ่งยาก หลายขั้นตอน ซึ่งไม่เป็นตามแบบแผนของพระคริสตธรรมคัมภีร์ นิกายจะไม่ยอมรับนิกายอื่น เช่นเดียวกัน เพราะเงื่อนไขแต่ละนิกายแตกต่างกัน

(2) เพราะความรอดไม่มีอยู่ในนิกาย : ความรอดอยู่ในพระเยซูคริสต์เท่านั้น (โกโลซาย 1:3-4, เอเฟโซ 1:7) ไม่ใช่อยู่ในนิกาย พระพรฝ่ายวิญญาณจิต และความหวังชีวิตนิรันดรอยู่ในพระเยซูคริสต์ ไม่ใช่อยู่ในนิกาย (เอเฟโซ 1:3) สิ่งที่นิกายสามารถให้ได้คือ การรวมตัวเป็นเหมือนสโมสร และร่วมสามัคคีธรรมกัน แต่การร่วมสามัคคีธรรมจะเกิดขึ้นได้อย่างถูกต้อง ก็ต่อเมื่อดำเนินตามคำสอนของพระเยซู (กิจการ 2:42, 1โยฮัน 1:7) เราไม่จำเป็นต้องเป็นนิกาย เพื่อจะร่วมสามัคคีธรรม

(3)  เพราะนิกายส่งเสริมการแตกแยก : นิกายทำให้สามีภรรยา หรือพ่อแม่แตกแยก แม้ว่าเรียกตนเองว่าเป็น “คริสเตียน” ไม่สามารถนมัสการร่วมกัน ทำพิธีระลึกร่วมกัน เพราะดวงวิญญาณของความเป็นนิกาย ยังคงมีความผูกพัน การที่เราเห็นการต่อสู้ในวงการของนิกาย เพื่อปกป้องนิกายของตนเอง เป็นการยืนยันให้เห็นว่า ไม่สามารถเข้ากันได้กับนิกายอื่นโดยไม่มีการกระทบกระทั่ง คนที่ทำการในนิกายต่างๆ เขากำลังเสริมสร้างอาณาจักรของนิกายให้ใหญ่โต แต่ไม่ใช่ส่งเสริมคริสตจักรของพระเยซู อันเป็นปัจจัยที่ส่งเสริมการแตกแยก การแตกแยกเป็นนิกาย เป็นความบาป (อ่าน 1 โกรินโธ 1:10)

(4)  เพราะนิกายไม่สามารถอ่านพบในพระคริสตธรรมคัมภีร์ : พระคริสตธรรมคัมภีร์ที่   พระเจ้าทรงประทานให้ สมบูรณ์แล้ว (2 ติโมเธียว 3:16-17) พระเจ้าได้ทรงประทานสิ่งสารพัดแก่เรา ที่จะให้มีชีวิต และมีธรรมสมบูรณ์แล้ว (2 เปโตร 1:3)  สถาบันของนิกายต่างๆ ไม่มีชีวิต และมีธรรม  นิกายอ่านพบในพระคริสตธรรมคัมภีร์ไหม?  คำตอบคือ ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ไม่สามารถพบชื่อนิกายที่เขาเป็นสมาชิก  พระคริสตธรรมคัมภีร์บอกว่า พระเยซูคริสต์ทรงเป็นประมุขของคริสตจักร เป็นสถาบันที่เริ่มต้นครั้งแรกเมื่อค.ศ. 33  ในวันพิพากษาพระเจ้าจะไม่ถามว่า “ท่านเป็นนิกายใด” แต่จะมีคำถามว่า “ท่านเป็นคริสเตียนที่สัตย์ซื่อหรือเปล่า?” พระเยซูคริสต์เจ้าเตือนว่า “พระองค์จึงตรัสตอบว่า  ต้นไม้ใด ๆ  ทุกต้นซึ่งพระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์มิได้ทรงปลูกไว้จะต้องถอนเสีย” (มัดธาย 15:13)

(5)  เพราะนิกายผูกมัดคนติดอยู่กับคำสอนของมนุษย์ แทนที่จะเป็นพระเยซูคริสต์ : นิกายจะเป็นนิกายไม่ได้ ถ้าไม่มีคำสอนของพวกเขาเอง ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ใหม่ เราพบว่า คนของพระเจ้าออกไปเทศนาสั่งสอนเรื่อง พระเยซูคริสต์ พระองค์เท่านั้นที่ควรจงรักภักดี  พระคำของพระเจ้าเป็นมาตรฐานในการดำรงชีวิตเท่านั้น

(6)  เพราะนิกายทำลายพระประสงค์คริสตจักรของพระเยซู :25 ฝ่ายพระเยซูทรงทราบความคิดของเขาจึงตรัสแก่เขาว่า แผ่นดินใด   ซึ่งแตกแยกกันแล้วก็คงพินาศ เมือง ใด เรือนใด   ซึ่งแตกแยกกันแล้วจะยั่งยืนอยู่ไม่ได” (มัดธาย 12:25) พระเจ้าต้องการให้ผู้เชื่อ เป็นเอกภาพในพระกายเดียวกัน โดยกางเขนนั้น  (เอเฟโซ 2:16)  ตราบใดที่ยังมีการแบ่งแยกเป็นนิกายต่างๆ จะเป็นอุปสรรคในการเป็น เอกภาพ  ในสภาพเช่นนี้จะไม่สามารถนำโลกมาถึงพระคริสต์ ตามพระประสงค์ของพระองค์ได้

(7)  เพราะพระเจ้าไม่มีโครงการที่จะตั้งนิกายต่างๆ : พระเยซูคริสต์ต้องการให้สาวกของพระองค์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน นี่เป็นคำอธิษฐานของพระเยซูคริสต์ ในหนังสือ (โยฮัน 17:20-21)   ท่านอัครสาวกเปาโลก็หนุนใจให้พวกเขาเป็นหนึ่งเดียว ใน (1 โกรินโธ 1:10, ติโต 3:10)  การแตกแยกเป็นนิกาย เป็นความบาป เราต้องสร้างสันติภาพ ไม่ใช่การแตกแยก (เอเฟโซ 4:3-6)

สรุป : ไม่ใช่คำถามว่า “นิกายไหนดีกว่า นิกายอื่นๆ?” มนุษย์ทุกคนต้องเชื่อฟังพระเยซูคริสต์  นั่นพอแล้ว นิกายเกิดขึ้นมากมาย คนเหล่านั้นแสวงหาความจริง เมื่อพวกเขาผลักดันตัวเองออกจากนิกายคาทอลิกในยุคมืด เมื่อค.ศ. 600 เป็นขบวนการที่เกิดขึ้นทีละเล็กทีละน้อย ผู้นำแต่ละกลุ่มไม่สามารถค้นหาความจริงได้ครบถ้วนทั้งหมดในเวลาเดียว ดังนั้นนิกายจึงได้โผล่ขึ้นเป็นดอกเห็ดยึดถือ และชูประเด็นที่เป็นความจริงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น  พระคำของพระเจ้าเป็นความจริง ทั้งหมดอยู่ที่นี่เอง   และท่านทั้งหลายจะรู้จักความจริงและความจริงนั้นจะกระทำให้ท่านทั้งหลายเป็นไทย (โยฮัน 8:32) และ “ขอโปรดตั้งเขาไว้โดยความจริง คำของพระองค์เป็นความจริง” (โยฮัน 17:17)

      โปรดช่วยให้ตัวเองหลุดพ้นจากความโง่เขลา  หลุดพ้นจากนิกาย  หลุดพ้นจากคำสอนของมนุษย์  ความจริงของพระคัมภีร์ ไม่ใช่ความจริงส่วนหนึ่งของนิกายต่างๆ  ความจริงทั้งหมดเป็นของพระเยซูติดตามพระเยซูคริสต์เท่านั้นพอ

..................................

 

ทำไมข้าพเจ้าเป็นสมาชิกคริสตจักรของพระคริสต์

“ทำไมข้าพเจ้าเป็นสมาชิกคริสตจักรของพระคริสต์” เป็นคำถามที่คนรอบข้างเรามักถามเสมอ อัครสาวกเปโตรเตือนเราทั้งหลายว่า “แต่ในใจของท่านจงเคารพพระคริสต์ถือเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า จงเตรียมใจไว้ให้พร้อม เพื่อท่านจะสามารถตอบแก่ทุกคนที่ถามท่านว่า ท่านมีความ หวังใจเช่นนี้ด้วยเหตุผลประการใด แต่ว่าจงตอบด้วยใจสุภาพและด้วยใจยำเกรง” 1เปโตร 3:15

เหตุผลที่ข้าพเจ้าเป็นสมาชิกคริสตจักรของพระคริสต์ มีหลายประการ ขอแบ่งปันเหตุผลบางประการให้กับผู้อ่านทุกท่านดังต่อไปนี้

ข้าพเจ้าเป็นสมาชิกคริสตจักรของพระคริสต์เพราะอะไร?

1)     เพราะว่า คริสตจักรพยายามทกวิถีทางที่จะเป็นเหมือนคริสตจักรตามพระคัมภีร์ทุกประการ มีผู้ใดสงสัยไหมว่า คริสตจักรตามที่ได้ตั้งขึ้นตามแบบแผนของพระคัมภีร์ใหม่ เป็นคริสตจักรที่ถูกต้องที่สุด..! เราต้องการที่จะปฏิรูปคริสตจักรให้เป็นเหมือนคริสตจักรดั้งเดิม และบริสุทธิ์ที่สุด

2)     เพราะว่า คริสตจักรของพระคริสต์ไม่ใช่เป็นนิกาย และข้าพเจ้าเป็นส่วนหนึ่งของคริสตจักรนี้ พระเยซูได้ทรงตั้งคริสตจักรเดียว และคริสตจักรนั้นก็เป็นของพระเยซู (มัดธาย 16:18) พระคัมภีร์บอกว่า “มีกายเดียว” คือคริสตจักรของพระองค์ (เอเฟโซ 4:4, 1โกรินโธ 1:22-23) อัครสาวกเปาโล บอกชัดว่า การแตกแยกเป็นนิกาย และเรียกชื่อคริสตจักรต่างๆ ตามที่มนุษย์ตั้งขึ้น เท่ากับเป็นการจงรักภักดีต่อผู้ก่อตั้งนิกาย แทนที่จะจงรักภักดีต่อพระเยซูนิกายต่างๆ เป็นความบาป เพราะขัดต่อน้ำพระทัยของพระเจ้า (1โกรินโธ 1:10-14)  คริสตจักรของพระคริสต์ไม่มีมนุษย์ตั้งตัวเป็นประมุข หรือเป็นหัว, ไม่มีโป๊ป, ไม่มีประธาน, ไม่มีสงฆ์, ไม่มีบาทหลวง, ไม่มีองค์กรบริหารส่วนกลาง   คริสตจักรของพระคริสต์ หรือแผ่นดินของพระเจ้า ไม่ใช่เป็นของโลกนี้ (โยฮัน 18:36)   ในแง่นี้ คริสตจักรของพระคริสต์มีคุณลักษณะที่พิเศษ เพราะเป็นแผ่นดินสวรรค์ ผู้เป็นศีรษะ หรือเป็นประมุขคือ พระเยซู เป็นผู้บัญชาการ (กิจการ 2:32-33, โกโลซาย 1:18)

3)     เพราะว่า คริสตจักรของพระคริสต์ท้องถิ่นแต่ละแห่ง เป็นอิสระอยู่ภายใต้พระเยซูผู้เป็นศีรษะของคริสตจักร (เอเฟโซ 1:22-23)   คริสตจักรของพระคริสต์ท้องถิ่นแต่ละแห่งเลือกผู้ปกครอง (เป็นบุรุษไม่ใช่สตรี) ของตนเองให้ทำหน้าที่ในการดูแล และบริหารจัดการให้เป็นไปตามแบบแผนของพระคัมภีร์ ไม่มีผู้ใดภายนอก มีอำนาจในการบริหารจัดการ เราเรียกว่า เป็น “เอกเทศ” ผู้ปกครองมีอำนาจเฉพาะคริสตจักรท้องถิ่นที่ตนเองเป็นผู้ปกครองเท่านั้น  คริสตจักรอื่นไม่มีสิทธิ์ก้าวก่าย (กิจการ20:28, 1เปโตร 5:2)  โดยแบบแผนการปกครองแบบท้องถิ่น เป็นการหลีกเลี่ยงไม่ให้มีความยุ่งยากที่เกิดขึ้นในคริสตจักรหนึ่งลุกลามไปยังคริสตจักรอื่นๆ

4)     เพราะว่า คริสตจักรของพระคริสต์ เป็นกระบอกเสียงนำคนมาถึงพระเจ้า (ติโต 2:12,               มัดธาย 5:12-16, ฟิลิปปอย 2:15-16) และร้อนรนในการนำพระกิตติคุณไปประกาศให้แก่ผู้หลงหาย (มาระโก 16:15-16)  คริสตจักรของพระคริสต์ได้ส่งมิชชั่นนารีออกไปตามประเทศต่างๆทั่วโลก  ประเทศต่างๆเหล่านี้ ถูกครอบงำด้วยลัทธิศาสนาของมนุษย์

5)     เพราะเข้าใจว่า ความเชื่อที่นำไปถึงความรอด เป็นความเชื่อที่ต้องปฏิบัติตาม (ฆะลาเตีย 5:6)   และสอนว่า พระคุณก็มีเงื่อนไข ที่จะได้รับความรอด ความเชื่อ และการเชื่อฟังเป็นความรับผิดชอบของเรา (โรม 15:1f)

6)     เพราะว่า คริสตจักรของพระคริสต์สอนว่า คนบาปต้องเชื่อในพระเยซูว่า เป็นพระบุตรของพระเจ้า (โยฮัน 3:16) พระองค์ยอมสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน  (เอเฟโซ 2:8-9)  คริสตจักรของพระคริสต์สอนว่า คนบาปจะต้องบังเกิดใหม่ด้วยน้ำ และพระวิญญาณ  (โยฮัน 3:5) ด้วยการรับบัพติศมา (ด้วยการจุ่มให้มิดน้ำ ไม่ใช่พรม) เข้าส่วนในพระคริสต์ (ฆะลาเตีย 3:26-27)

7)     เพราะว่า คริสตจักรของพระคริสต์สอนว่า เชื่ออย่างเดียวเท่านนั้น ไม่รอดต้องปฏิบัติตามด้วย (มัดธาย 7:21)

8)     เพราะว่า การนมัสการของคริสตจักรของพระคริสต์ เป็นไปตามแบบแผนของพระคริสตธรรมคัมภีร์ โดยพระเยซูคริสต์ทรงเป็นคนกลางระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ (1ติโมเธียว 2:5)   มีการร้องเพลงด้วยปาก เหมือนคริสตจักรยุคแรก (เอเฟโซ 5:19)  อธิษฐาน และถวายทรัพย์ทุกวันอาทิตย์ (1 โกรินโธ 16:1-2)   ทุกอาทิตย์มีการทำพิธีระลึกถึงการสิ้น พระชนม์ของพระเยซูคริสต์  (มัดธาย 26:26, กิจการ 20:7), มีการเทศนาสั่งสอนพระคำของพระเจ้า (กิจการ 2:42) ไม่เพิ่มไม่ลดถ้อยคำจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ใหม่ ( 2 ติโมเธียว 1:13, วิวรณ์ 22:18-19, สุภาษิต 30:6)

9)     เพราะปรนนิบัติรับใช้สังคม คนยากจน คนที่มีปัญหา (ฆะลาเตีย 2:10, ยาโกโบ 1:27, ฆะลาเตีย 6:10)

10)  เพราะเป้าหมายคือ เพื่อจะใช้ชีวิตนิรันดรกับพระเจ้าในสวรรค์ : เมื่อพระองค์เสด็จกลับมา พระองค์จะปลุกคนชอบธรรมให้เป็นขึ้นมาสู่ชีวิต ( 1เธซะโลนิเก 4:16-17,             1โกรินโธ 15:24)

11)  เพราะข้าพเจ้าต้องการไปอยู่กับพลไพร่ของพระเจ้าชั่วนิรันดร : ข้าพเจ้าเลือกที่จะอยู่กับพลไพร่ของพระเจ้าเดี๋ยวนี้  ด้วยการนมัสการ และปรนนิบัติพระองค์ในครอบครัวของพระเจ้าเดียวกันคือ คริสตจักร (1ติโมเธียว 3:15)

     ด้วยเหตุผลเหล่านี้ และเหตุผลอื่นด้วยความช่วยเหลือของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงเป็นสมาชิกคริสตจักรของพระคริสต์

.........................

 

 

 

คริสตจักรที่พิเศษสุด

1.เราเป็นคริสตจักรสากลที่ครอบคลุมทั้งโลก แต่เราไม่ใช่เป็นนิกายโรมันคาธอลิก

2.เราต่อต้าน หรือ protest คำสอนเท็จทุกๆนิกาย และต่อต้านผู้นำนิกายที่สอนเท็จทุกคน แต่เราไม่ใช่นิกายโปรเทสแตนต์ เราเป็นคริสเตียนเหมือนคริสเตียนยุคแรกที่ปรนนิบัติพระเจ้า

3.เรามีผู้ปกครองประจำคริสตจักรท้องถิ่น แต่เราไม่ใช่เป็นนิกายเพรสไบทีเรียน

เรามีเจ้าอธิการในคริสตจักรท้องถิ่น แต่เราไม่ใช่นิกายอีพีสโคเปิล

เรามีระบบการปกครองเอกเทศประจำคริสตจักรท้องถิ่น แต่เราไม่ใช่นิกายคองกรีเกชั่น

เราให้คนรับบัพติศมาด้วยการจุ่มให้มิดน้ำ แต่เราไม่ใช่นิกายแบพติสต์

เราปฏิบัติวิธีการนมัสการตามแบบพระคัมภีร์ แต่เราไม่ใช่นิกายเมธอดิสต์

4.เราเชื่อในพระวิญญาณบริสุทธิ์ แต่เราไม่ใช่พวกที่คลั่งไคล้ลงพระวิญญาณ และพูดภาษาแปลกๆ

เรารับพระราชทานพระวิญญาณบริสุทธิ์หลังจากที่เรารับบัพติศมาแล้ว (กิจการ 2:38) พระราชทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่ทำให้เราพูดภาษาแปลกๆ ทำการอิทธิฤทธิ์อัศจรรย์เหมือนกับอัครสาวก

เราอธิษฐานเผื่อคนเจ็บ แต่เราใช้นายแพทย์ และรับประทานยาด้วย แต่ไม่ใช่วางมือรักษาโรค

5.รากของเรามาจากพวกยิว แต่เราไม่ใช่เป็นคริสตจักรยิว  พระเยซูเป็นชาวยิว พวกอัครสาวก และคริสเตียนเป็นอันมากในยุคแรกส่วนมากเป็นชาวยิว แต่คริสตจักรที่พระเยซูคริสต์ทรงตั้งขึ้น เป็นคริสตจักรที่ประกอบด้วยคนทุกชาติทุกภาษา

พระเยซูตรัสว่า “จงออกไปประกาศแก่มนุษย์ทุกคน (มาระโก 16:15)  ทุกคนที่อยู่ในพระคริสต์ไม่ว่าจะเป็นยิว หรือชาวต่างชาติไม่สำคัญ  ความเชื่อที่ทำกิจด้วยความรักต่างหากที่สำคัญ (ฆะลาเตีย 5:6)

6.เราเป็นใคร? คำตอบคือ เราเป็นคริสเตียน และเป็นคริสเตียนเท่านั้น ไม่มาก ไม่น้อยกว่านี้

เราไม่มีความสัมพันธ์ หรือเกี่ยวข้องกับนิกายต่างๆ เมื่อมีกลุ่ม พวกเรามีการประชุมนมัสการ และทำภารกิจร่วมกันในคริสตจักรท้องถิ่นใดๆ ก็ตาม

เราเป็นหมู่ประชุม คริสตจักรของพระคริสต์ประจำท้องถิ่นนั้นๆ ซึ่งเป็นคริสตจักรที่พระเยซูได้ทรงตั้งขึ้นครั้งแรกในกรุงยะรูซาเลม (มัดธาย 16:18) เพราะว่า คริสตจักรเป็นของพระคริสต์ เพราะฉะนั้นเราถูกเรียกว่า เป็นคริสตจักรของพระคริสต์ (โรม 16:16) “จงคำนับซึ่งกันและกันด้วยกิริยาจุบอันบริสุทธิ์  บรรดาคริสตจักรของพระคริสต์ขอคำนับท่านทั้งหลายด้วย

7.เราให้เกียรติ์พระคัมภีร์ว่า เป็นพระคำของพระเจ้าที่ได้รับการดลใจ พระคัมภีร์เป็นหลักปฏิบัติอย่างเดียวเท่านั้น

เราเชื่อว่าพระคัมภีร์ พระคำของพระเจ้าตรัสแก่มนุษย์ทุกชาติ ทุกภาษา ทุกยุค ทุกสมัย พระคำของพระเจ้าเป็นอำนาจเด็ดขาดของพระเจ้า สำหรับชาวป่า ชาวเขา คนที่อยู่ในเมือง หรือตามเกาะต่างๆ รวมทั้งนักวิทยาศาสตร์ทุกคน

8.ในความเชื่อ และการนมัสการ  เรามีความสุขที่จะปฏิบัติตามทางเก่าแก่ เท่ากับความเก่าแก่ของพระคัมภีร์

9.เราเป็นครอบครัวของพระเจ้า อันประกอบด้วยมือ และใจที่ยื่นออกเพื่อผูกพันกับทุกคนที่ได้ชื่อว่า เป็นบุตรของพระเจ้า ที่ต้องการนมัสการ และรับใช้พระเจ้าร่วมกัน

10.ใช่...เราเป็นคนพิเศษของพระเจ้า ความพิเศษของเราไม่ใช่สิ่งน่าอาย เพราะพระเจ้าตรัสว่า  แต่ท่านทั้งหลายเป็นตระกูลที่ทรงเลือกไว้ เป็นพวกปุโรหิตหลวง เป็นประเทศอันบริสุทธิ์ เป็นพลไพร่ของพระเจ้าเอง เพื่อท่านทั้งหลายจะได้สำแดงพระบารมีคุณของพระองค์ ผู้ได้ทรงเรียกท่านทั้งหลายให้ออกมาจากความมืดเข้าในสว่างอันมหัศจรรย์ของพระองค์” 1เปโตร 2:9

................................................

 

 

ผลของพระวิญญาณ

22 ฝ่ายผลของพระวิญญาณนั้นคือ ความรัก ความยินดี สันติสุข ความอดกลั้นไว้นาน ความปราณี ความดี ความสัตย์ซื่อ 23 ความอ่อนสุภาพ การรู้จักบังคับตน การเช่นนั้นไม่มีพระบัญญัติห้ามเลย     ฆะลาเตีย 5:22,23

 

ความรัก  LOVE (agape)

ความรักที่เติบโตจากความรักที่มีต่อพระเจ้า  (มาระโก 12:30-31)

ความรักนี้เริ่มต้นจากพระเจ้าสำแดงออก

(1)รักซึ่งกันและกันในกายเดียวกัน (โยฮัน 13:35)

(2)รักศัตรู (มัดธาย 5:43-48)

(3)รักพี่น้องคริสเตียน  (1โยฮัน 3:14)

(4)รักเพื่อนบ้าน (มาระโก 12:31)

ความยินดี  JOY

พระเจ้าต้องการให้เรามีความยินดี

ฟิลิปปอย 4:4-5  จงโสมนัสยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าทุกเวลาข้าพเจ้าขอย้ำอีกทีว่า จงโสมนัสยินดีเถิด 5 จงให้ใจอ่อนสุภาพของท่านปรากฏแก่คนทั้งปวงองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ใกล้แล้ว

สันติสุข  PEACE

ยาโกโบ 3:18 และผลแห่งความชอบธรรมก็หว่านลงในสันติสุขสำหรับผู้เหล่านั้นที่กระทำให้เกิดสันติ

มัดธาย 5:9 บุคคลผู้ใดระงับการแตกแยกกันก็เป็นสุขเพราะว่าเขาจะได้ชื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้า (peace maker)

ความอดกลั้นไว้นาน     LONGSUFFERING

นี่เป็นคุณลักษณะของพระเจ้า

2เปโตร 3:9 องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงเฉื่อยช้าในคำสัญญาของพระองค์เหมือนบางคนคิดว่าช้านั้น แต่พระองค์ได้ทรงอดกลั้นพระทัยไว้เพราะเห็นแก่ท่านทั้งหลายเป็นช้านาน ไม่ทรงประสงค์จะให้คนหนึ่งคนใดพินาศเลย แต่ทรงปรารถนาจะให้คนทั้งปวงกลับใจเสียใหม่

โกโลซาย 3:12 เหตุฉะนั้นจงสวมใจเมตตา  ใจปราณี ใจถ่อม ใจอ่อนสุภาพ ใจอดทนไว้นาน เหมือนดังพวกที่พระเจ้าทรงเลือกไว้ เป็นพวกที่บริสุทธิ์และเป็นพวกที่ทรงรัก

ความปราณี  GENTLENESS OR KINDNESS.

มัดธาย 5:7 บุคคลผู้ใดมีใจเมตตาปราณีก็เป็นสุขเพราะว่าเขาจะได้รับความเมตตาปราณีเหมือนกัน

เอเฟโซ 4:32 และท่านทั้งหลายจงเมตตาซึ่งกันและกัน มีใจเอ็นดูซึ่งกันและกัน และอภัยโทษให้กันและกัน เหมือนพระเจ้าได้ทรงโปรดอภัยโทษให้ท่านทั้งหลายในพระคริสต์

ความดี  GOODNESS

1ติโมเธียว 6:18-19   ท่านจงกำชับเขาให้กระทำการดี ให้ร่ำรวยในการดีนั้น ให้มีใจพร้อมที่จะให้ทาน ให้มีใจกว้างขวาง 19 และส่ำสมไว้เป็นรากอันดีสำหรับตัวของตนเผื่อเวลาข้างหน้าเพื่อเขาจะได้ยึดเอาชีวิตซึ่งเป็นชีวิตจริงๆ นั้น

ความสัตย์ซื่อ    FAITHFULNESS

บทเพลงสรรเสริญ 37:3 จงวางใจในพระยะโฮวาและประพฤติการดี จงอาศัยอยู่ที่แผ่นดินหาเลี้ยงชีพด้วยความซื่อสัตย์

วิวรณ์ 2:10 อย่ากลัวต่อเหตุการณ์เหล่านั้นซึ่งเจ้าจะต้องทนเอา นี่แน่ะมารจะเอาพวกเจ้าบางคนใส่คุกไว้เพื่อจะได้ลองดูใจเจ้า และเจ้าทั้งหลายจะได้รับทุกข์ลำบากถึงสิบวัน แต่เจ้าจงเป็นผู้สัตย์ซื่อตราบเท่าวันตาย และเราจะให้เจ้ามีมงกุฎแห่งชีวิต

ความอ่อนสุภาพ   MEEKNESS

เป็นพลังที่ควบคุมไว้ภายในใจ

มัดธาย 5:5 บุคคลผู้ใดมีใจอ่อนสุภาพก็เป็นสุขเพราะว่าเขาจะได้รับความยืนยงในแผ่นดินโลกเป็นมรดก

มัดธาย 11:28-30 บรรดาผู้ลำบากเหน็ดเหนื่อยจงมาหาเราและเราจะให้ท่านทั้งหลายหายเหนื่อยเป็นสุข 29 จงเอาแอกของเราแบกไว้แล้วเรียนจากเราเพราะว่าใจเราอ่อนสุภาพและท่านทั้งหลายจะได้ความสุขสำราญในใจของตน 30 ด้วยว่าแอกของเราก็พอเหมาะและภาระของเราก็เบา

การรู้จักบังคับตน   THEMPERANCE, (SELF-CONTROL)

เปาโลต้องบังคับตัวเอง 

1โกรินโธ9:25 ฝ่ายทุกคนที่แข่งกันเพื่อเอาชนะก็ระวังรักษาตัวทุกอย่าง ฝ่ายเขากระทำอย่างนั้นเพื่อจะ ได้มงกุฎใบไม้ที่จะร่วงโรยเสียได้ แต่เราจะได้มงกุฎที่ไม่รู้ร่วงโรยเลย

คนที่ไม่รู้จักบังคับระงับตัวเองจะประสบความหายนะ

สุภาษิต 16:32 คนที่อดโทโสได้ก็ดีกว่าคนที่มีกำลังแข็งแรง คนที่ชนะใจของตนก็ดีกว่าคนที่ชนะตีเมืองได้

สุภาษิต 25:28 คนที่ไม่มีอำนาจบังคับระงับใจของตนเองก็เป็นเหมือนเมืองที่หักพังและไม่มีกำแพงเมือง

................................................

 

 

 

 







Copyright © 2011 All Rights Reserved.

คริสตจักรของพระคริสต์ มิตรภาพ
ที่อยู่ :  เลขที่ 838 ซ.ดาราฉาย อ่อนนุช 46 เขต :  สวนหลวง แขวง : สวนหลวง
จังหวัด : กรุงเทพฯ      รหัสไปรษณีย์ :10250
เบอร์โทร :  02-321-1099